‘นิปปอนสตีล’ ผู้ผลิตเหล็กอันดับสี่ เพิ่มอัตราส่วนของแร่ที่ขุดได้เป็น 40%

‘นิปปอนสตีล’ ผู้ผลิตเหล็กอันดับสี่ เพิ่มอัตราส่วนแร่ที่ขุดเองเป็น 40% พร้อมขยายลงทุนต่างประเทศ

อัปเดตล่าสุด 19 มี.ค. 2567

Nippon Steel ผู้ผลิตเหล็กอันดับสี่ของโลกเสริมความมั่นคงในการจัดหาวัตถุดิบ ประกาศเพิ่มอัตราส่วนของแร่ที่ขุดเองเป็น 40% และขยายการลงทุนในต่างประเทศ

10 อันดับผู้ผลิตเหล็กชั้นนำของโลก

(ญี่ปุ่น 15 มี.ค. 67) นิปปอนสตีลได้ประกาศนโยบายในการเพิ่มสัดส่วนของถ่านหินและแร่เหล็กที่จัดหาจากเหมืองของตนเองจากปัจจุบัน 20-30% เป็นประมาณ 40% ในอนาคต ความเคลื่อนไหวนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้แน่ใจว่าการจัดซื้อวัตถุดิบมีความมั่นคงและลดต้นทุน ขณะที่ JFE Steel กำลังรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับผลประโยชน์จากถ่านหินใหม่และจะพิจารณาวิธีเพิ่มอัตราส่วนจากเหมืองของตัวเองเป็นประมาณ 10%

การลดการปล่อยคาร์บอนทั่วโลกส่งผลให้การพัฒนาถ่านหินซบเซา โดยเน้นถึงความเสี่ยงที่อุปสงค์และอุปทานตึงตัวสำหรับวัตถุดิบและราคาที่เพิ่มขึ้น การเพิ่มอัตราส่วนแร่ที่ขุดได้จะช่วยบรรเทาผลกระทบนี้

Advertisement

ในปี 2022 อัตราส่วนแร่จากเหมืองของ Nippon Steel ในธุรกิจการผลิตเหล็กในญี่ปุ่นอยู่ที่ประมาณ 20% สำหรับทั้งแร่เหล็กและถ่านหิน อย่างไรก็ตาม ในเดือนมกราคม 2024 บริษัทได้ลงทุนประมาณ 20% ใน Elk Valley Resources (EVR) ซึ่งเป็นบริษัทถ่านโค้กคุณภาพสูงของแคนาดา การลงทุนครั้งนี้คาดว่าจะเพิ่มอัตราส่วนเป็นประมาณ 30%

บริษัทได้ลงทุนประมาณ 2 แสนล้านเยนใน EVR และรองประธาน Hiroshi Moritaka อธิบายว่าหากมีโครงการที่มีศักยภาพ บริษัทจะยังคงลงทุนต่อและอยากเพิ่มสัดส่วนไปสู่ประมาณ 40%

สำหรับอัตราส่วน 40% นั้น Moritaka กล่าวว่า นี่เป็นสัดส่วนของผลิตภัณฑ์อเนกประสงค์ที่จำหน่ายในร้านค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์เหล็กของเรา พื้นที่นี้ได้รับผลกระทบโดยตรงจากความผันผวนของราคาวัตถุดิบ ทำให้ยากต่อการรักษาอัตรากำไรเมื่อเปรียบเทียบกับผลิตภัณฑ์สำหรับลูกค้ารายใหญ่” บริษัทตั้งใจที่จะหลีกเลี่ยงผลกระทบจากความผันผวนโดยการเพิ่มอัตราส่วนแร่ที่ขุดได้เป็นประมาณ 40%

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา นิปปอนสตีลมีเป้าหมายที่จะเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันโดยการสร้างโครงสร้างธุรกิจแนวตั้ง ตั้งแต่การจัดหาวัตถุดิบในกระบวนการต้นน้ำไปจนถึงการผลิตในกระบวนการกลางน้ำ และการจัดจำหน่ายในกระบวนการปลายน้ำ บริษัทกำลังก้าวไปข้างหน้าโดยมีเป้าหมายในการ "ตระหนักถึงโครงสร้างกำไรรวมที่แข็งแกร่ง" ซึ่งไม่ได้รับผลกระทบจากสภาพแวดล้อมภายนอก และจะเร่งดำเนินการริเริ่มนี้ในแง่ของการจัดหาวัตถุดิบ

ในอีกด้าน JFE Steel ซึ่งเป็นเจ้าของเหมืองประมาณ 10% กำลังรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับโครงการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับถ่านหิน Masashi Terahara รองประธานของ JFE Holdings กล่าวว่า "หากมีโครงการ เราจะพิจารณาเข้าร่วม" ปัจจุบันบริษัทเหล็กรายใหญ่ในต่างประเทศกำลังแข่งขันกันเพื่อจัดหาวัตถุดิบอย่างมีเสถียรภาพ ด้วยสิทธิ์ในการรับซื้อที่จำกัด จึงมีความกังวลว่าการจัดซื้อจัดจ้างจะเป็นไปได้ในอนาคตหรือไม่"