“BOI” ต่อเวลามาตรการ 3 ปี รับสิทธิเพิ่มขีดความสามารถสู่ Industry 4.0

อัปเดตล่าสุด 14 ก.ย. 2560
  • Share :
  • 523 Reads   

นางหิรัญญา สุจินัย เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ดบีโอไอ) ที่ประชุมเห็นชอบขยายมาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพในภาคอุตสาหกรรมเพื่อประหยัดพลังงาน ใช้พลังงานทดแทน ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การวิจัยพัฒนาไปถึงปี 2563 จากเดิมจะสิ้นสุดลงในปี 2560 เป็นการเพิ่มขีดความสามารถและพัฒนาอุตสาหกรรมไปสู่ “ประเทศไทย 4.0”

ประกอบด้วย 1.สำหรับกิจการเดิมโครงการลงทุนใหม่หากมีการลงทุนใช้ระบบอัตโนมัติ หุ่นยนต์ ออกแบบวางระบบพัฒนาอย่าง Internet of Things (IoT) สำหรับภาคการผลิตได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 3 ปี ในวงเงินไม่เกิน 50% ของเงินลงทุน ในกรณีที่ใช้เครื่องจักรอุปกรณ์ในประเทศไม่น้อยกว่า 30% ของมูลค่าเครื่องจักรทั้งหมด ได้รับสิทธิเพิ่มจากเดิมจำกัดไม่เกิน 50% มาเป็นไม่เกิน 100%

2.มาตรการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการภาคการเกษตรรายเดิมยกระดับอุตสาหกรรมเกษตรไปสู่มาตรฐานสากลที่ประเทศไทยมีผู้ได้รับการรับรองน้อย เช่น มาตรฐานการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (GAP) มาตรฐานระบบการจัดการความปลอดภัยของอาหาร (ISO 22000) เป็นต้น เพื่อให้สินค้าเกษตรของไทยได้รับการรับรองตามมาตรฐานสากล และสามารถขยายตลาดได้มากยิ่งขึ้น โดยจะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นเวลา 3 ปี ในวงเงินไม่เกิน 50% ของเงินลงทุนที่ใช้ในการยกระดับมาตรฐาน และเพื่อส่งเสริมกิจการที่จะช่วยเหลือเกษตรกรรายย่อยคือ ธุรกิจที่นำเทคโนโลยีโดยเฉพาะเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือการออกแบบทางวิศวกรรมมาปรับเปลี่ยนการผลิตภาคเกษตรดั้งเดิมให้ทันสมัยขึ้น เช่น ระบบโรงเรือนอัจฉริยะ ระบบการควบคุมการใช้ทรัพยากร เช่น น้ำ ปุ๋ย และระบบตรวจจับหรือติดตามสภาพต่าง ๆ โดยผู้ให้บริการด้านนี้จะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นเวลา 5 ปี

3.มาตรการเพิ่มขีดความสามารถด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และทรัพยากรมนุษย์ เพื่อจูงใจให้เกิดการลงทุนเพิ่มในกิจการกลุ่ม A1 และ A2 ซึ่งได้รับยกเว้นภาษีเงินได้สูงสุด 8 ปี สามารถขอรับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติม หากมีการลงทุนเพิ่มในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รวมทั้งขยายกิจการที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ซึ่งปัจจุบันใช้ชื่อ “สถานฝึกฝนวิชาชีพ” ให้เปลี่ยนเป็น “กิจการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์” ซึ่งจะครอบคลุมเทรนนิ่งเซ็นเตอร์ และสถาบันการศึกษาภาคเอกชนด้วย

ที่มา: ประชาชาติธุรกิจ

https://www.prachachat.net/economy/news-40101