ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมไทย ไตรมาสที่ 1/2568

อัปเดตล่าสุด 16 มิ.ย. 2568

กองวิจัยเศรษฐกิจอุตสาหกรรม สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เผย รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมในไตรมาสที่ 1 ปี 2568 ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) อยู่ที่ 100.21% ลดลงจากไตรมาสที่ผ่านมา 1.61% ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 3 นับตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 ปี 2567

รายงานภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมไทยไตรมาสที่ 1 ปี 2568 เมื่อพิจารณาจากดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม(MPI) มีค่าอยู่ที่ 100.21% ลดลง 1.61% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 3 นับตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 ปี 2567 โดยเป็นการลดลงจากกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีสัดส่วนการส่งออก 30-60% และกลุ่มอุตสาหกรรมที่ตอบสนองในประเทศเป็นหลัก

อุตสาหกรรมสำคัญที่ชะลอ ตัวในไตรมาสที่ 1 ปี 2568 อาทิ ยานยนต์ จากรถบรรทุกปิคอัพ รถยนต์ไฮบริด และรถยนต์นั่งขนาดเล็ก เป็นหลัก ตามการหดตัวของตลาดในประเทศจากกำลังซื้อที่อ่อนแอ สถาบันการเงินมีความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ และตลาดส่งออกตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้า

น้ำมันปาล์ม เนื่องจากฝนทิ้งช่วงยาวนานผลปาล์มไม่สมบูรณ์และในช่วงปลายปี 2567 เกิดอุทกภัยทางภาคใต้ซึ่งเป็นแหล่งปลูกปาล์มหลักของประเทศ ทำให้ผลปาล์มออกสู่ตลาดน้อยลง

ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นปิโตรเลียม จากภาวการณ์ผลิตลดลงตามทิศทางการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงที่ชะลอตัวจากปีก่อน จากสินค้าน้ำมันดีเซลเป็นหลัก ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการใช้น้ำมันในปีก่อนอยู่ในระดับสูงจากการเร่งตัวของการท่องเที่ยวและขนส่ง อย่างไรก็ตามน้ำมันเครื่องบินมีทิศทางขยายตัวตามทิศทางการท่องเที่ยวที่ยังเติบโต สำหรับ

อุตสาหกรรมที่มีการขยายตัวในไตรมาสที่ 1 ปี 2568 อาทิ เม็ดพลาสติก เนื่องจาก Polypropylene resin (PP) เนื่องจากผู้ผลิตบางรายกลับมาผลิตเป็นปกติหลังจากหยุดเดินเครื่องจักร นอกจากนี้ เม็ด Ethylene และ Propylene บางโรงงานได้กลับมาผลิตตามปกติแล้ว

น้ำตาล จากภาวะการผลิตและการจำหน่ายเพิ่มขึ้นจากน้ำตาลทรายดิบและกากน้ำตาล เป็นหลัก เนื่องจากมีปริมาณน้ำฝนเพียงพอในพื้นที่เพาะปลูกและราคาอ้อยในฤดูการผลิตที่ผ่านมาค่อนข้างสูงจูงใจให้เกษตรกรขยายพื้นที่เพาะปลูก

ผลิตภัณฑ์ยางอื่น ๆ จากภาวะการผลิตเพิ่มขึ้น เนื่องจากผู้ผลิตบางรายมีการขยายกำลังการผลิตเพื่อรองรับคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้น รวมถึงมาตรฐานการผลิตที่ผ่านการรับรองของ EUDR ส่งผลให้มีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น

ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือ GDP ในไตรมาสที่ 1 ของปี 2568 ขยายตัว 3.1% โดยขยายตัวชะลอลงเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมาซึ่งขยายตัว 3.3% และขยายตัว 1.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (2567)

GDP ภาคอุตสาหกรรม ในไตรมาสที่ 1 ของปี 2568 ขยายตัว 0.6% ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ผ่านมาที่ขยายตัว 0.3% และขยายตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (2567) ซึ่งหดตัว 2.8%

ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม ไตรมาสที่ 1 ของปี 2568 ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม อยู่ที่ระดับ 99.96 เพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ผ่านมา (93.39) ร้อยละ 7.0 แต่หดตัวจากไตรมาสเดียวกันของปี 2567 (101.86) ร้อยละ 1.9

อุตสาหกรรมที่ส่งผลให้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม เพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ผ่านมา ได้แก่ การผลิตน้ำตาล การผลิตเครื่องปรับอากาศ และการผลิตยานยนต์เป็นต้น
สำหรับอุตสาหกรรมที่ส่งผลให้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปี 2567 ได้แก่ การผลิตยานยนต์ การผลิตน้ำมันปาล์ม และการผลิตผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นปิโตรเลียม เป็นต้น

ดัชนีการส่งสินค้าไตรมาสที่ 1 ปี 2568 ดัชนีการส่งสินค้าอยู่ที่ระดับ 98.43 เพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ผ่านมา (97.0) ร้อยละ 1.5 แต่หดตัวจากไตรมาสเดียวกันของปี 2567 (99.80) ร้อยละ 1.4

อุตสาหกรรมที่ส่งผลให้ดัชนีการส่งสินค้าเพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ผ่านมา ได้แก่ การผลิตเครื่องปรับอากาศ การผลิตน้ำตาล และการผลิตผลิตภัณฑ์ยาสูบ เป็นต้น
สำหรับอุตสาหกรรมที่ส่งผลให้ดัชนีการส่งสินค้าลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปี 2567 ได้แก่ การผลิตยานยนต์ การผลิตน้ำมันปาล์ม และการผลิตเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ น้ำแร่และน้ำดื่มบรรจุขวดประเภทอื่น ๆ เป็นต้น

ดัชนีสินค้าสำเร็จรูปคงคลังไตรมาสที่ 1 ปี 2568 ดัชนีสินค้าสำเร็จรูปคงคลัง อยู่ที่ระดับ 101.50 เพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ผ่านมา (99.54) ร้อยละ 2.0 แต่ลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปี 2567 (105.36) ร้อยละ 3.7

อุตสาหกรรมที่ส่งผลให้ดัชนีสินค้าสำเร็จรูปคงคลังเพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ผ่านมา ได้แก่ การผลิตน้ำตาลและการผลิตเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ น้ำแร่และน้ำดื่มบรรจุขวดประเภทอื่นๆ การผลิตสตาร์ช และผลิตภัณฑ์จากสตาร์ช เป็นต้น
สำหรับอุตสาหกรรมที่ส่งผลให้ดัชนีสินค้าสำเร็จรูปคงคลังลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปี 2567 ได้แก่การผลิตยานยนต์ การผลิตผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นปิโตรเลียม และการผลิตน้ำมันปาล์ม เป็นต้น

อัตราการใช้กำลังการผลิต ในไตรมาสที่ 1 ปี 2568 อัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ระดับร้อยละ 60.93 เพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ผ่านมา (ร้อยละ 57.72) แต่ลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปี 2567 (ร้อยละ 61.05)

อุตสาหกรรมที่ส่งผลให้อัตราการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ผ่านมา ได้แก่ การผลิตน้ำตาลการผลิตเครื่องปรับอากาศ และการผลิตยานยนต์เป็นต้น
สำหรับอุตสาหกรรมที่ส่งผลให้อัตราการใช้กำลังการผลิตลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปี 2567 ได้แก่การผลิตยานยนต์ การผลิตน้ำมันปาล์ม และการผลิตกาแฟ ชา และสมุนไพรผงสำหรับชงเป็นเครื่องดื่มเป็นต้น

ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมมีค่าในไตรมาสที่ 1 ของปี 2568 ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมมีค่า 92.27 เพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ผ่านมา (90.20) และเพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปี 2567 (91.0) ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นคาดการณ์ล่วงหน้า 3 เดือน อยู่ที่ระดับ 96.50 ลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปี 2567 (99.73)

ปัจจัยที่ส่งผลต่อการปรับตัวเพิ่มขึ้นของความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในช่วงไตรมาสที่ 1 ปี 2568 มาจากปัจจัยภายนอกประเทศจากการส่งออกที่ขยายตัวตาม อุปสงค์ของประเทศคู่ค้าที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะตลาดสหรํฐอเมริกา และมาตราการกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น มาตรการ Easy-Receipt 2.0 (ช่วงวันที่ 16 มกราคม ถึง 28 กุมภาพันธ์) เพิ่มเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจในประเทศ และโครงการเพิ่มกำลังซื้อในกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปได้รับเงินโอน 10,000 บาท อีกทั้งภาครัฐลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน เช่น มาตรการตรึงราคาน้ำมันดีเซล ไม่เกิน 33 บาทต่อลิตร (1 มกราคม ถึง 31 มีนาคม) และการปรับลดค่าไฟฟ้าอยู่ที่ 4.15 บาทต่อหน่วย จากเดิม 4.18 บาทต่อหน่วย (มกราคม ถึงเมษายน) รวมทั้งปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัวของภาคการท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นในช่วงเทศกาลปีใหม่และตรุษจีน โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน