
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมิถุนายน 2568 ต่ำสุดรอบ 28 เดือน! ผู้บริโภคไม่มั่นใจเศรษฐกิจ แม้รัฐอัดมาตรการกระตุ้น
ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคประจำเดือนมิถุนายน 2568 ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 แตะระดับต่ำสุดในรอบ 28 เดือน สะท้อนความกังวลของประชาชนต่อเสถียรภาพทางการเมือง เศรษฐกิจโลกชะลอตัว และค่าครองชีพที่ยังสูง แม้รัฐบาลเดินหน้ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและลดดอกเบี้ยแล้วก็ตาม
- ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพฤษภาคม 2568 ร่วงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 ต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปี!
- ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนเมษายน 2568 ดิ่งต่อเนื่อง 3 เดือน ต่ำสุดในรอบ 7 เดือน!!
ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเดือนมิถุนายน 2568 ที่จัดทำโดยศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยและหอการค้าไทย ได้ดำเนินการโดยออกแบบสอบถามตัวอย่างจากประชาชนทั่ว ประเทศเป็นจำนวน 2,244 คน แยกเป็นกลุ่มตัวอย่างในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล 40.2% และต่างจังหวัด 59.8% โดยกลุ่มตัวอย่างเป็นเพศชาย และเพศหญิง ประมาณ 49.9% และ 50.1%
ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อดัชนีความเชื่อมั่นของหอการค้าไทย
ปัจจัยด้านบวก
- คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติ 6 ต่อ 1 เสียง ให้คงอตัราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.75% ต่อปี และปรับขึ้นคาดการณ์ขยายตวัทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ปี 2568 อยู่ที่ 2.3% จากเดิม 1.3-2.0% และในปี 2569 คาดว่าขยายตัว 1.7% ปรับลดจากเดิม 1.8% จากสมมุติฐานไทยถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้าสหรัฐ 18% ครึ่ งหนึ่งจากประกาศไว้ที่ 36% และเป็นผลจากข้อมูลเศรษฐกิจจริงในไตรมาสที่ 1 และเครื่องชี้เศรษฐกิจในไตรมาสที่ 2 มีแนวโน้มขยายตัวดีกว่าที่ประเมินไว้รวมทั้งการส่งออกที่ขยายตัวได้สูงจากกลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และสินค้าที่มีการเร่งส่งออกไปสหรัฐ ส่งผลบวกต่อภาคการผลิตและภาคบริการที่เกี่ยวข้อง
- การส่งออกของไทยในเดือนพฤษภาคม 2568 มีมูลค่า 31,044.58 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 18.35%ขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 29,928.14 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 17.95% ส่งผลให้เกินดุลการค้า 1,116.44 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ทำให้ช่วง 5 เดือนแรกปี 2568 ส่งออกได้รวม 138,202.00 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.94และมีการนำเข้ารวม 139,325.90 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.29 ส่งผลให้ขาดดุลการค้ารวม 1,123.90 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
- ราคาน้ำมันดีเซลขายปลีกในประเทศ ยังคงทรงตัวจากเดือนที่มา โดยอยู่ที่ระดับ 31.94 บาทต่อลิตร ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2568 ตามลำดับ
- ราคาพืชผลทางการเกษตรหลายรายการปรับตัวดีขึ้นหรือทรงตัวในระดับ ที่ดีเกือบทุกรายการสำคัญส่งผลให้เกษตรกรเริ่มมีรายได้สูงขึ้น อย่างไรก็ดี ราคาข้าว มันสำปะหลังและยางพารา มีราคาไม่ค่อยดี
- คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบมาตรการลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมสำหรับที่อยู่อาศัย โดยลดค่าจดทะเบียนโอนอสังหาริมทรัพย์จาก 2.00% เหลือ 0.01% และลดค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหาฯ จาก 1.00% เหลือ 0.01% ที่มีราคาซื้อขายและราคาประเมิน ไม่เกิน 7 ล้านบาท และวงเงินจำนองไม่เกิน 7 ล้านบาทต่อสัญญา เพื่อช่วยส่งเสริมให้ประชาชนมีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง ช่วยรักษาระดับกิจกรรมทางเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกัน รวมถึงส่งเสริมการลงทุนภายในประเทศให้เกิดการจ้างงานและการผลิต
- เงินบาทปรับตัวแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย จากระดับ 32.934 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ณ สิ้นเดือนพฤษภาคม 2568 เป็น 32.623 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2568 สะท้อนว่ามีการไหลเข้าสุทธิของเงินตราต่างประเทศ
ปัจจัยด้านลบ
- ผู้บริโภคเริ่มมีความกังวลเกี่ยวกับ เสถียรภาพทางการเมือง สืบเนื่องจากเหตุการณ์คลิปเสียงสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างนายกรัฐมนตรีไทย กับ ประธานวุฒิสภากัมพูชา ที่มีเนื้อหากระทบต่อกองทพัและอธิปไตยไทยเป็นชนวนสำคัญที่ทำให้พรรคภูมิใจไทยประกาศถอนตัวจากรัฐบาล ส่งผลให้รัฐบาลเผชิญวิกฤตศรัทธาและเสถียรภาพทางการเมืองอย่างรุนแรง
- ความกังวลต่อแนวทางนโยบายเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา และการตอบโต้ของประเทศต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบของนโยบาย Trump 2.0
- ผู้บริโภคมีความรู้สึกว่าเศรษฐกิจยังฟื้นตัวช้า ตลอดจนปัญหาค่าครองชีพ รวมถึงผู้บริโภคโภคยังรู้สึกว่ารายได้ในปัจจุบันไม่สอดคล้องกับค่าครองชีพที่ปรับตัวสูงขึ้น
- ราคาข้าวเปลือกเจ้า มันสำปะหลัง และปาล์มน้ำมัน อยู่ในระดับต่ำกว่าปี ที่ผ่านมา อาจส่งผลให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นไม่มากนัก มีผลต่อกำลังซื้อในบางพื้นที่ต่างจังหวัดในระยะนี้
- ระดับราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยราคาน้ำมันขายปลีกแก๊สโซฮอล ออกเทน 91 (E10) และแก๊สโซฮอล ออกเทน 95 (E10) ปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 0.60 และ 0.60 บาทต่อลิตร จากระดับ 32.18 และ 32.55 บาทต่อลิตร ณ สิ้นเดือนพฤษภาคม 2568 ตามลำดับมาอยู่ที่ระดับ 32.78 และ 33.15 บาทต่อลิตร ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2568 ตามลำดับ
- SET Index ในเดือนมิถุนายน 2568 ปรับตัวลดลง 59.62 จุด โดยปรับตัวลดลงจาก 1,149.18 จุดณ สิ้นเดือนพฤษภาคม 2568 เป็น 1,089.56จุด ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2568
- ความกังวลต่อสถานการณ์ความขัดแย้งทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ของโลกที่ยังคงยืดเยื้อ ทั้งสถานการณ์สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน การสู้รบระหว่างอิสราเอลกับขบวนการฮามาส (Hamas) ตลอดจนสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่รุนแรงขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้ราคาน้ำมันและพลังงานโลกยังทรงตัวสูงและกระทบต่อต้นทุนการผลิตสินค้า ซึ่งอาจเป็นปัจจยัที่เพิ่มแรงกดดันของการฟื้นตัวของระบบเศรษฐกิจโลกให้ช้าลงหรือชะลอตัวลงและอาจส่งผลกระทบในเชิงลบต่อการส่งออกและเศรษฐกิจไทยในอนาคต
จากผลของการสำรวจความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเดือนมิถุนายน 2568 ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับตัวลดลงทุกรายการต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 และอยู่ในระดับที่ต่ำสุดในรอบ 28 เดือนนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2566 เป็นต้นมา เนื่องจากผู้บริโภคมีความกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพของรัฐบาลและการเมืองของไทยและสงครามการค้าจากนโยบาย Trump 2.0 และรู้สึกว่าเศรษฐกิจไทยกำลังชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง แม้ว่ารัฐบาลจะออกมาตราการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลและธนาคารแห่งประเทศไทยได้ใช้นโนบายการเงินผ่อนคลายจากการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายตั้งแต่ต้นปีมาแล้ว 2 ครั้งรวม 0.5% อยู่ที่ 1.75% แต่ผู้บริโภครู้สึกว่าเศรษฐกิจไทยยังฟื้นตัวได้ช้าและการเข้าถึงสินเชื่อลำบาก
ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวม ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสหางานทำโดยรวม และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตอยู่ที่ระดับ 46.7 50.6 และ 60.9 ตามลำดับ ปรับตัวลดลงทุกรายการต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 โดยปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับดัชนีในเดือนพฤษภาคม ที่อยู่ในระดับ 48.1 51.9 และ 62.7 ตามลำดับ การที่ดัชนียังอยู่ในระดับต่ำกว่าปกติ (ที่ระดับ 100) แสดงว่า ผู้บริโภคยังไม่มีความมั่นใจเกี่ยวกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ โอกาสในการหางานทำ และรายได้ในอนาคต เพราะมีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองในประเทศ และค่าครองชีพที่ยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง ตลอดจนปัญหาเศรษฐกิจโลกที่มีความเสี่ยงเข้าสู่ภาวะชะลอตัวลงจากสงครามการค้าที่กำลังเกิดขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบให้เศรษฐกิจไทยและการจ้างงานมีโอกาสฟื้นตัวได้ช้าในอนาคต ซึ่งจะทำให้รายได้ในอนาคตของผู้บริโภคมีความไม่แน่นอนสูง
ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคของผู้บริโภค (Consumer Confidence Index: CCI) ปรับตัวลดลงจากระดับ 54.2 เป็น 52.7 ปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 และอยู่ในระดับที่ต่ำสุดในรอบ 28 เดือนนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2566 เป็นต้นมา การที่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคโดยรวมยังคงเคลื่อนไหวคงอยู่ต่ำกว่าระดับ 100 แสดงให้เห็นว่า ผู้บริโภคยังคงเห็นว่าสถานการณ์เศรษฐกิจโดยรวมยังคงฟื้นตัวช้า และค่าครองชีพสูง ตลอดจนปัญหาสงครามการค้าที่มีแนวโน้มรุนแรงขึ้น ยังคงมีโอกาสบั่นทอนความเชื่อมั่นของผู้บริโภคทั้งในปัจจุบันและในอนาคตได้อย่างต่อเนื่องในระยะอันใกล้นี้
ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในปัจจุบันปรับตัวลดลงจากระดับ 38.8 เป็น 37.6 ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นในอนาคตปรับตัวลดลงจากระดับ 61.7 มาอยู่ที่ระดับ 60.1 การที่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับตัวลดลงทุกรายการต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 แสดงว่า ผู้บริโภคเริ่มมีความเชื่อมั่นของบริโภคลดลงได้ในอนาคตหากสงครามการค้ารุนแรงขึ้นและเศรษฐกิจไม่สามารถจะกลับมาฟื้นตัวดีขึ้นได้อย่างรวดเร็วภายใต้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล
#ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค #เศรษฐกิจไทย #GDP Thailand #อุตสาหกรรมไทย #MReportTH #IndustryNews
ทความยอดนิยม 10 อันดับ
- ยอดขายรถยนต์ 2567
- 10 อันดับธุรกิจดาวรุ่ง ปี 2568
- คาร์บอนเครดิต คือ
- ยอดขายมอเตอร์ไซด์ 2567
- “ยานยนต์ไร้คนขับ” กับทิศทางการเติบโตในปี 2022-2045
- ยอดลงทุนปี 67 ทะลุ 1 ล้านล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์
- ยอดจดทะเบียนใหม่ยานยนต์ไฟฟ้า 2567
- สถิติส่งออกกลุ่มยานยนต์และชิ้นส่วนไทยปี 2567
- เทคโนโลยีในงานโลจิสติกส์ มีอะไรบ้าง
- 5 เทคนิค “มือใหม่ใช้เครื่อง CNC”
อัปเดตข่าวทุกวันที่นี่ www.mreport.co.th
Line / Facebook / X / YouTube @MreportTH