373-ธุรกิจใหม่-ยอดจดทะเบียน-มีนาคม-2563-โควิด-19

โควิด-19 ทุบยอดจดทะเบียนตั้งธุรกิจใหม่มีนาคม 2563 หด 12%

อัปเดตล่าสุด 30 เม.ย. 2563
  • Share :
  • 545 Reads   

การจดทะเบียนธุรกิจประจำเดือนมีนาคม 2563 ลดลง 12% ขณะที่ ไตรมาส 1/2563 ลดลง คาดเป็นผลกระทบจากโควิด-19

นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยการจดทะเบียนธุรกิจจัดตั้งใหม่ประจำเดือนมีนาคม 2563 และไตรมาส 1/2563 พบว่า ธุรกิจจัดตั้งใหม่เดือนมีนาคม 2563 จำนวน 6,066 ราย ลดลง 12% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีการจดทะเบียนธุรกิจจัดตั้งใหม่จำนวน 6,876 ราย ขณะที่ประเภทธุรกิจจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 579 ราย คิดเป็น 10% รองลงมา คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 370 ราย คิดเป็น 6% และอันดับ 3 คือ ธุรกิจภัตตาคาร ร้านอาหาร จำนวน 157 ราย คิดเป็น 3% ทั้งนี้ การลดลงของการจดทะเบียนธุรกิจใหม่ เนื่องจากผู้ประกอบการอาจอยู่ระหว่างรอดูสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของไทย จากผลกระทบของการถดถอยทางเศรษฐกิจโลก ที่เกิดจากการระบาดของไวรัสโคโรน่า

ส่วนธุรกิจจัดตั้งใหม่ไตรมาส 1/2563 (ม.ค.-มี.ค.) จำนวน 19,415 ราย เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2562 (ต.ค.-ธ.ค.) จำนวน 13,877 ราย เพิ่มขึ้นจำนวน 5,538 ราย คิดเป็น 40% และเมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2562 จำนวน 20,750 ราย ลดลงจำนวน 1,335 ราย คิดเป็น 6% ประเภทธุรกิจจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 1,809 ราย คิดเป็น 9% รองลงมา คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 1,053 ราย คิดเป็น 5% และธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร จำนวน 573 ราย คิดเป็น 3%

ขณะที่จำนวนธุรกิจเลิกประกอบกิจการ ประจำเดือนมีนาคม 2563 มีจำนวน 947 ราย ลดลง 12% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีจำนวน 1,075 ราย ประเภทธุรกิจเลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 83 ราย คิดเป็น 9% รองลงมาคือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 60 ราย คิดเป็น 6% และธุรกิจภัตตาคาร / ร้านอาหาร จำนวน 31 ราย คิดเป็น 3%

ธุรกิจเลิกประกอบกิจการไตรมาส 1/2563 มีจำนวน 3,169 ราย เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2562 จำนวน 10,175 ราย ลดลงจำนวน 7,006 ราย คิดเป็น 69% และเมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2562 จำนวน 3,288 ราย ลดลงจำนวน 119 ราย คิดเป็น 4% ซึ่งเป็นไปตามสถานการณ์ปกติที่จะมีแนวโน้มของการจดทะเบียนเลิกประกอบธุรกิจ ประเภทธุรกิจเลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 337 ราย คิดเป็น 11% รองลงมา คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 183 ราย คิดเป็น 6% และธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร จำนวน 92 ราย คิดเป็น 3% การเลิกธุรกิจถือเป็นจำนวนที่อยู่ในระดับปกติและเป็นไปตามแนวโน้มตามฤดูกาล (Seasonal Trending) รวมทั้งสอดคล้องกับแนวโน้มการเลิกกิจการในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา

อย่างไรก็ดี ธุรกิจที่ดำเนินกิจการอยู่ ณ เดือนมีนาคม 2563 จำนวน762,229 ราย มูลค่าทุน 18.56 ล้านล้านบาท จำแนกเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด/ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล จำนวน 187,116 ราย คิดเป็น 24.55% บริษัทจำกัด จำนวน 573,852 ราย คิดเป็น 75.29% และบริษัทมหาชนจำกัด จำนวน 1,261 ราย คิดเป็น 0.16%

นายวุฒิไกรกล่าวอีกว่า การลงทุนประกอบธุรกิจในไทยภายใต้กฎหมายต่างด้าว เดือนมีนาคม 2563 มีการอนุญาตให้คนต่างชาติประกอบธุรกิจทั้งสิ้น 67 ราย แบ่งเป็นใบอนุญาตประกอบธุรกิจ 21 ราย และหนังสือรับรองประกอบธุรกิจ 46 ราย โดยมีเม็ดเงินลงทุนทั้งสิ้น 7,988 ล้านบาท

ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนกุมภาพันธ์ 2563 จำนวนธุรกิจที่คนต่างชาติเข้ามาลงทุนเพิ่มขึ้น 14% เพิ่มขึ้น 8 ราย นักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในไทยมากที่สุด ได้แก่ ญี่ปุ่น จำนวน 18 ราย เงินลงทุน 3,186 ล้านบาท รองลงมา ได้แก่ สิงคโปร์ จำนวน 11 ราย เงินลงทุน 1,116 ล้านบาท และเนเธอร์แลนด์ 6 ราย เงินลงทุน 757 ล้านบาท ไตรมาส 1/2563 (เดือนมกราคม – มีนาคม 2563) คนต่างด้าวได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจ จำนวน 180 ราย มีเงินลงทุนทั้งสิ้น 29,026 ล้านบาท

 

อ่านต่อ: