อุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้า ไตรมาสที่ 4 ปี 2564 และแนวโน้มไตรมาสที่ 1 ปี 2565

อุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้า ไตรมาส 4 ปี 2564 และแนวโน้มไตรมาสถัดไป

อัปเดตล่าสุด 17 มี.ค. 2565
  • Share :
  • 1,990 Reads   

กองนโยบายอุตสาหกรรมรายสาขา สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เผยสถานการณ์อุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้าของไทยในไตรมาสที่ 4 ปี 2564 มีการขยายตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2563 จากการผลิตผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเหล็กทรงแบน เช่น เหล็กแผ่นเคลือบดีบุก เหล็กแผ่นรีดเย็น และเหล็กแผ่นเคลือบสังกะสี

ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) อุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้า

การผลิตเหล็กและเหล็กกล้าในไตรมาสที่ 4 ปี 2564 ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมีค่า 94.7 ขยายตัวร้อยละ 1.6 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน แต่หดตัวร้อยละ 1.5 จากไตรมาสที่ผ่านมา

  • การผลิตผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเหล็กทรงแบน ขยายตัวร้อยละ 9.5 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ผลิตภัณฑ์ที่การผลิตขยายตัวมากที่สุดคือ เหล็กแผ่นเคลือบดีบุก ขยายตัวร้อยละ 52.3 รองลงมา คือ เหล็กแผ่นรีดเย็น และเหล็กแผ่นเคลือบสังกะสี ขยายตัวร้อยละ 21.5 และ 18.7 ตามลําดับ

  • การผลิตผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเหล็กทรงยาว หดตัวร้อยละ 0.3 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยผลิตภัณฑ์ที่มีการผลิตหดตัวมากที่สุด คือเหล็กโครงสร้างรูปพรรณ ชนิดรีดเย็น หดตัวร้อยละ 19.6 รองลงมา คือ เหล็กลวด และลวดเหล็ก หดตัวร้อยละ 11.8 และ 6.1
    ตามลําดับ อย่างไรก็ตาม การผลิตเหล็กข้ออ้อย และเหล็กเส้นกลมขยายตัวร้อยละ 6.6 และ 3.7 ตามลําดับ

อุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้า 2564

การบริโภคเหล็กในประเทศไตรมาสที่ 4 ปี 2564 ​มีปริมาณ 4.2 ล้านตัน ขยายตัวร้อยละ 0.4 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน แต่หดตัวร้อยละ 2.6 จากไตรมาสที่ผ่านมา

  • การบริโภคเหล็กทรงแบน ขยายตัวร้อยละ 2.0 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน จากการบริโภคเหล็กแผ่นเคลือบดีบุก ที่ขยายตัวร้อยละ 41.6 รองลงมา คือ เหล็กแผ่นเคลือบสังกะสี และเหล็กแผ่นบางรีดเย็น ขยายตัวร้อยละ 27.6 และ 10.4 ตามลําดับ 

  • การบริโภค​เหล็กทรงยาว หดตัวร้อยละ  5.8 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน จากการบริโภคเหล็กลวด ที่หดตัวร้อยละ 20.6 และ
    เหล็กเส้นและเหล็กโครงสร้างรีดร้อน หดตัวร้อยละ 0.4

การนำเข้าเหล็กและเหล็กกล้าในไตรมาสที่ 4 ปี 2564 มีมูลค่า 3.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 57.0 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน แต่หดตัวร้อยละ 3.3 จากไตรมาสที่ผ่านมา

  • การนำเข้าผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเหล็กทรงยาว ขยายตัวร้อยละ 48.7 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ผลิตภัณฑ์ที่มีการนําเข้าขยายตัวมากที่สุด คือ เหล็กเส้น ประเภท Carbon steel ขยายตัวร้อยละ 123.9 (ประเทศหลักที่ไทยนําเข้า คือ ญี่ปุ่น จีน และเกาหลีใต้) รองลงมาคือ เหล็กลวด ประเภท Stainless steel ขยายตัวร้อยละ 116.6 และท่อเหล็กไร้ตะเข็บ ขยายตัวร้อยละ 71.8 

  • การนำเข้าผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเหล็กทรงแบน ขยายตัวร้อยละ 59.7 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ผลิตภัณฑ์ที่การนําเข้าขยายตัวมากที่สุด คือ เหล็กแผ่นเคลือบดีบุก ขยายตัวร้อยละ 125.8 (ประเทศหลักที่ไทยนําเข้า คือ จีน เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น) รองลงมา คือ เหล็กแผ่นเคลือบสังกะสี ชนิด HDG ขยายตัวร้อยละ 99.5 และเหล็กแผ่นบางรีดร้อน ประเภท Carbon steel ขยายตัวร้อยละ 92.5

อุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้า 2564

แนวโน้มอุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้าไตรมาสที่ 1 ปี 2565 

แนวโน้มอุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้าไตรมาสที่ 1 ปี 2565 คาดการณ์ว่าจะทรงตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัวของอุตสาหกรรมต่อเนื่อง การก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน และนโยบายสนับสนุนอุตสาหกรรมของภาครัฐ อย่างไรก็ตาม มีความเสี่ยงจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศ ซึ่งอาจทําให้ความต้องการใช้เหล็กชะลอตัวลง และแนวโน้มราคาเหล็กในตลาดโลกที่ปรับลดลง ซึ่งจะมีผลต่อโอกาสในการแข่งขันของผู้ผลิตไทย

 

อ่านต่อ: 

 

บทความยอดนิยม 10 อันดับ

 

อัปเดตข่าวทุกวันที่นี่ www.mreport.co.th   

Line / Facebook / Twitter / YouTube @MreportTH