ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกปี 2023 คาดโตแตะ 14 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 35%

ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกปี 2023 คาดโตแตะ 14 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 35%

อัปเดตล่าสุด 3 พ.ค. 2566
  • Share :
  • 4,039 Reads   

IEA เผย รถยนต์ไฟฟ้ากำลังเฟื่องฟูทั่วโลกจนทำสถิติยอดขายใหม่มากกว่า 10 ล้านคันในปี 2022 และคาดว่าจะโตแตะ 14 ล้านคันในปี 2023 เพิ่มขึ้น 35% 

วันที่ 26 เมษายน 2023 องค์การพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) รายงานแนวโน้มรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลก ฉบับปี 2023 ระบุในปีที่ผ่านมา รถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกมียอดขายมากกว่า 10 ล้านคัน คิดเป็นสัดส่วน 14% ของยอดขายยานยนต์ทั่วโลก ซึ่งเพิ่มขึ้นจากสัดส่วน 4% ในปี 2020

สำหรับตัวเลขคาดการณ์ในปี 2023 ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าจะเติบโตแตะ 14 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 35% และคิดเป็นสัดส่วน 18% ของยอดขายยานยนต์ทั้งหมด ซึ่งหมายความว่า ยานยนต์ใหม่ 5 คันจะเป็นรถอีวี 1 คัน

Advertisement

นาย Fatih Birol กรรมการบริหาร IEA แสดงความเห็นว่า รถยนต์ไฟฟ้าคือหนึ่งในแรงผลักดันเศรษฐกิจพลังงานใหม่ระดับโลก (New Global Energy Economy) ที่กำลังเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และจะนำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ทั่วโลก

ที่ผ่านมา เครื่องยนต์สันดาปภายในไร้คู่แข่งมากว่าศตวรรษ อย่างไรก็ตาม IEA กำลังเห็นแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงต่อความต้องการน้ำมันทั่วโลก และคาดการณ์ว่า ภายในปี 2030 ความต้องการน้ำมันจะลดลงอย่างน้อย 5 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งรถยนต์ไฟฟ้าเป็นเพียงคลื่นลูกแรกเท่านั้น ในขณะที่รถบัสไฟฟ้าและรถบรรทุกไฟฟ้ากำลังจะตามมา

ปัจจุบันยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าส่วนใหญ่อยู่ใน 3 ตลาดหลัก โดย ‘จีน’ เป็นผู้นำด้วยสัดส่วนยอดขายรถยนต์ไฟฟ้ามากกว่า 60% ในปี 2022 ตามด้วยยุโรป และสหรัฐอเมริกา อย่างไรก็ตาม ทั้งสองตลาดก็มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งถึง 15% และ 50% ตามลำดับในปีที่ผ่านมา

จากโครงการและนโยบายที่ทะเยอทะยานในการผลักดันยานยนต์ไฟฟ้า เช่น โครงการ Fit for 55 package ในอียู และ Inflation Reduction Act ในสหรัฐอเมริกา จะทำให้รถยนต์ไฟฟ้ามีส่วนแบ่งตลาดมากขึ้น ซึ่งคาดการณ์ว่าในจีน อียู และสหรัฐ จะมีส่วนแบ่งยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเฉลี่ยที่ 60% ภายในปี 2030

Inflation Reduction Act กฎหมายใหม่สหรัฐฯ ที่อาจกระทบซัพพลายเชนอีวีครั้งใหญ่

แนวโน้มนี้ยังส่งผลดีต่อผู้ผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าและซัพพลายเชนอีกด้วย ซึ่ง IEA พบว่าโครงการผลิตผลิตแบตเตอรี่ในปัจจุบันจะทำให้มีแบตเตอรี่เพียงพอต่อความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าจนถึงปี 2030 ซึ่งปัจจุบันการผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าอยู่ในจีนเป็นหลัก ทำให้จีนมีส่วนแบ่งการส่งออกรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นกว่า 35% ในปี 2022 ที่ผ่านมา 

ด้วยเหตุนี้ นานาประเทศจึงมีการประกาศนโยบายเพิ่มยกระดับอุตสาหกรรมและขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า เช่น Net Zero Industry Act ซึ่งตั้งเป้าให้แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้ากว่า 90% มาจากผู้ผลิตในประเทศ และ Inflation Reduction Act ที่มุ่งให้ความสำคัญกับซัพพลายเชนอีวี แบตเตอรี่ และแร่ต่าง ๆ ซึ่งนับตั้งแต่กฎหมายฉบับนี้ผ่านการลงมติในเดือนสิงหาคม 2022 จนถึงมีนาคม 2023 ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ได้ประกาศลงทุนซัพพลายเชนในอเมริกาเหนือรวมแล้วเป็นมูลค่ากว่า 5.2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ

ในภูมิภาคอื่น ๆ ก็เริ่มมีสัญญาณบวก ยกตัวอย่างเช่น อินเดียและอินโดนีเซียซึ่งมียอดขายรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่าในปี 2022 และมีสัดส่วนยอดขาย 1.5% จากยอดขายยานยนต์ทั้งหมด ขณะที่ไทยมียอดขายรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่า และมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 3% จากยอดขายรถยนต์ทั้งหมด

นอกจากนี้ การลงทุนจากภาคเอกชนก็มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเช่นกัน ซึ่งรัฐบาลได้ประกาศโครงการส่งเสริมการลงทุนมูลค่า 3.2 พันล้านอลลาร์สหรัฐ ซึ่งดึงดูดการลงทุนได้มากถึงมูลค่า 8.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และคาดว่าจะเพิ่มการผลิตแบตเตอรี่และการเปิดตัวรถอีวีอย่างมากในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

และอีกส่วนที่น่าสนใจสำหรับประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนา คือ ยานพาหนะ 2 หรือ 3 ล้อ ซึ่งมีจำนวนมากกว่ารถยนต์ ตัวอย่างเช่นอินเดีย ในปีที่ผ่านมาอินเดียมียอดจดทะเบียนรถจักรยานยนต์ไฟฟ้ามากกว่าครึ่งหนึ่งของยอดจดทะเบียนรถจักรยานยนต์ทั้งหมด ซึ่งในประเทศเหล่านี้ ยานพาหนะ 2 หรือ 3 ล้อ เป็นตัวเลือกการสัญจรที่มีราคาย่อมเยา ซึ่งหมายความว่า การพัฒนายานพาหนะกลุ่มนี้ให้ใช้พลังงานไฟฟ้าได้จะเป็นส่วนสำคัญในการสนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืน

 

#รถยนต์ไฟฟ้า #รถอีวี #ยอดขายรถยนต์ #Mreport #mreportth #ข่าวอุตสาหกรรม #onlinecontent

 

บทความยอดนิยม 10 อันดับ

 

อัปเดตข่าวทุกวันที่นี่ www.mreport.co.th   

Line / Facebook / Twitter / YouTube @MreportTH