เมื่อวันที่ 31 มีนาคม ที่ผ่านมา Huawei รายงานผลประกอบการประจำปี 2019 เผย ยอดขายสินค้าทั่วโลกปิดที่ 858,800 ล้านหยวน หรือประมาณ 1.2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 19.1% มีกำไรสุทธิ 62,700 ล้านหยวน และงบกระแสเงินสด 91,400 ล้านหยวน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 22.4% ซึ่งบริษัทได้แบ่งเงินเป็นมูลค่า 131,700 ล้านหยวน หรือคิดเป็น 15.3% ของรายได้ในปี 2019 เพื่อใช้เป็นงบสำหรับวิจัย และพัฒนาเทคโนโลยีต่อไปในอนาคต ซึ่งเมื่อรวมกับงบวิจัยตลอดเวลา 10 ปีที่ผ่านมา ทำให้บริษัทอัดฉีดงบประมาณในการพัฒนานวัตกรรมรวมแล้วทั้งสิ้นเป็นเงิน 600,000 ล้านหยวน หรือประมาณ 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ

Eric Xu ประธานกรรมการบริษัทหมุนเวียนตามวาระ บริษัท Huawei กล่าวว่า “ปี 2019 เป็นปีที่พิเศษสำหรับ Huawei เนื่องจากมีปัจจัยกดดันจากภายนอกหลายปัจจัย แต่ทีมงานก็สามารถสร้างมูลค่าให้กับลูกค้าได้ ซึ่งเราก็จะทำงาน เพื่อให้ได้รับการยอมรับและความเชื่อมั่นจากพาร์ทเนอร์ทั่วโลกต่อไป”

โดยผลงานโดดเด่นของ Huawei ในปี 2019 คือการเปิดตัวเครือข่าย 5G เชิงพาณิชย์ และก่อตั้งศูนย์วิจัยร่วมสำหรับการพัฒนานวัตกรรม 5G หลายแห่งทั่วโลก ซึ่งปัจจุบัน “RutalStar” โซลูชันสถานีฐานจากบริษัท ได้ถูกนำไปใช้งานในกว่า 50 ประเทศ และเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือของผู้ใช้กว่า 40 ล้านคนทั่วโลก ซึ่งธุรกิจ Carrier ของบริษัท มีรายได้รวมอยู่ที่ 296,700 ล้านหยวน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 3.8%

ในส่วนของธุรกิจระหว่างองค์กรนั้น ทาง Huawei ถูกเลือกโดยองค์กรจาก 700 เมือง และ 228 บริษัท จาก 500 บริษัทชั้นนำทั่วโลกให้เป็นพาร์ทเนอร์ในการทำ Digital Transformation อีกด้วย

ทางด้านรายได้จากผู้บริโภคเอง ปี 2019 ก็เป็นอีกปีที่มีการเติบโตอย่างมั่นคง ด้วยยอดจัดส่งสมาร์ทโฟนรวม 240 ล้านเครื่องตลอดปี และรายงานการพัฒนา AI Ecosystem สำหรับอุปกรณ์พกพาที่ดำเนินหน้าอย่างราบรื่น ซึ่งธุรกิจในหมวดนี้ ทำรายได้ให้บริษัทรวม 467,300 ล้านหยวน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 34%

อย่างไรก็ตาม Eric Xu เปิดเผยว่า ในปีนี้ สถานการณ์ภายนอกจะซับซ้อนมากขึ้น “แต่ทางบริษัท จะมุ่งเน้นพัฒนาศักยภาพการแข่งขันของสินค้าและบริการ ร่วมกับการส่งเสริมนวัตกรรม เพื่อสร้างคุณค่าให้กับลูกค้า และสังคมต่อไป ซึ่งเป็นทางเดียวที่จะทำให้เรายังเติบโต และคว้าโอกาสในยุคดิจิทัลเอาไว้ได้”