‘ชิปขาดตลาด’ เร่งลงทุนเครื่องจักรเดินหน้าสู่ตัวเลข 1 แสนล้านเหรียญ ครั้งแรกในประวัติศาสตร์

อัปเดตล่าสุด 16 มิ.ย. 2565

“สมาคมอุตสาหกรรมเซมิคอนดัคเตอร์นานาชาติ” ปรับแก้ตัวเลขคาดการณ์ปี 2022 เผยการลงทุนเครื่องจักรและอุปกรณ์ผลิตเซมิคอนดักเตอร์มีโอกาสแตะ 109,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำสถิติใหม่สูงสุด

ลงทุนเครื่องจักร 'ผลิตชิปเซมิคอนดักเตอร์' โต รับเทรนด์ดิจิทัล คาดปี 2022 ทำสถิติใหม่

Advertisement

ก่อนหน้านี้สมาคมอุตสาหกรรมเซมิคอนดัคเตอร์นานาชาติ (SEMI) ได้เปิดเผยแนวโน้มการลงทุนเครื่องจักรและอุปกรณ์ผลิตเซมิคอนดักเตอร์สำหรับโรงงานแบบ front-end ในปี 2022 จะเติบโตอย่างมาก ซึ่งตัวเลขคาดการณ์เมื่อเดือนมีนาคมอยู่ที่ 107,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 42% จากปีก่อนหน้า ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจริงจะเป็นสถิติสูงสุดนับแต่มีการเก็บข้อมูลมา แต่ล่าสุดเมื่อวันที่ 13 มิถุนายน ทางสมาคมฯ ได้ประกาศปรับแก้ตัวเลขให้สูงขึ้นอีก 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐเป็น 109,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

นาย Ajit Manocha ประธานสมาคมและซีอีโอ SEMI แสดงความเห็นว่า การลงทุนเซมิคอนดักเตอร์กำลังเดินหน้าไปสู่ตัวเลข 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ สะท้อนให้เห็นการเติบโตแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน

SEMI คาดการณ์ว่า 85% ของมูลค่าการลงทุนเครื่องจักรฯ จะเป็นการเพิ่มกำลังการผลิตของโรงงานที่มีอยู่แล้วแต่เดิมรวม 158 โรงงาน และในปีหน้ามูลค่าการลงทุนในส่วนนี้จะลดลงเหลือ 83% ใน 129 โรงงาน

สำหรับเซกเตอร์ที่คาดการณ์ว่าจะมีการลงทุนเครื่องจักรฯ สูงสุด คือ ผู้ผลิตกลุ่ม Foundry ซึ่งเป็นบริษัทรับจ้างผลิตชิปตามการออกแบบของลูกค้า เช่น TSMC, Samsung, และ Globalfoundries โดยจะมีสัดส่วนการลงทุนมากถึง 53% ของการลงทุนทั้งหมดในปี 2022 และปี 2023 ซึ่งชิปในกลุ่มนี้ถูกใช้งานหลักในสินค้าไฮเทค คอมพิวเตอร์ และโน้ตบุ๊ก

ถัดมาคือผู้ผลิตหน่วยความจำ เช่น Micron และ SK Hynix ซึ่งคาดว่าจะมีสัดส่วนการลงทุน 33% ของการลงทุนทั้งหมดในปี 2022 และ 34% ในปี 2023

สื่อหลายสำนักแสดงความเห็นว่า การเร่งเพิ่มกำลังการผลิตชิปนี้เป็นผลจากวิกฤตซัพพลายเชนที่ทำให้การส่งมอบเครื่องจักรล่าช้า สวนทางกับความต้องการชิปที่พุ่งทะยานอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ยังมีบางสำนักที่มีความเห็นต่าง เช่น IDC ซึ่งแสดงความกังวลว่าการเร่งเพิ่มกำลังการผลิตในครั้งนี้อาจนำไปสู่ปัญหาชิปล้นตลาดหลังปี 2023