ยอดสั่งซื้อเครื่องจักรกลญี่ปุ่น 2565 เดือนพฤษภาคม ทั่วโลกโต 23.7% การลงทุนยังต่อเนื่องสวนวิกฤตชิ้นส่วนขาดตลาด

อัปเดตล่าสุด 5 ก.ค. 2565

ในเดือนพฤษภาคม 2565 ยอดสั่งซื้อเครื่องจักรกลญี่ปุ่นจากทั่วโลกปิดที่ 1,134 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โต 23.7% ต่อเนื่องเดือนที่ 19 ท่ามกลางการขาดแคลนชิ้นส่วน

Advertisement

สมาคมเครื่องจักรกลญี่ปุ่น (JMTBA) รายงานการสั่งซื้อเครื่องจักรกลญี่ปุ่นจากทั่วโลกประจำเดือนพฤษภาคม 2022 มีมูลค่ารวม 153,334 ล้านเยน หรือคิดเป็น 1,134 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 23.7% จากช่วงเดียวกันในปีก่อนหน้า

สมาคมเปิดเผยว่า ตัวเลขนี้เป็นการเติบโตต่อเนื่องเดือนที่ 19 ซึ่งเพิ่มขึ้นทั้งในและนอกญี่ปุ่น อีกทั้งยังเป็นตัวเลขสูงกว่า 150,000 ล้านเยนต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 สะท้อนการลงทุนกำลังเดินหน้าต่อไปแม้ประสบปัญหาชิ้นส่วนขาดตลาด อย่างไรก็ตาม ทางสมาคมย้ำว่ายังคงต้องเฝ้าระวังปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ เช่น การเมืองระหว่างประเทศ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อยอดสั่งซื้อได้

ยอดสั่งซื้อจากในประเทศญี่ปุ่น เดือนพฤษภาคม 2022 ปิดที่ 49,481 ล้านเยน หรือคิดเป็น 367 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 48.9% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน และเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 15 โดยปกติแล้ว เดือนพฤษภาคมเป็นเดือนที่มียอดสั่งซื้อลดลงเนื่องจากวันหยุดยาวในช่วงนี้ อย่างไรก็ตาม การสั่งซื้อเครื่องจักรในเดือนพฤษภาคมปีนี้ได้รับแรงหนุนจากการลงทุนในฝั่งอุตสาหกรรมออโตเมชัน และมีการสั่งซื้อเครื่องจักรเพื่อเสริมกำลังการผลิต นอกจากนี้ การสั่งซื้อเครื่องจักรยังเพิ่มขึ้นในทุกกลุ่มอุตสาหกรรมหลักอีกด้วย โดยอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เพิ่มขึ้น 81.3% อุตสาหกรรมเครื่องจักรกล เพิ่มขึ้น 50.1% อุตสาหกรรมยานยนต์ เพิ่มขึ้น 49.7% อุตสาหกรรมอากาศยาน เพิ่มขึ้น 80.3%

ยอดการสั่งซื้อจากต่างประเทศ เดือนพฤษภาคม 2022 ปิดที่ 103,853 ล้านเยน หรือคิดเป็น 768 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 14.5% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน และเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 19

เอเชีย ยอดสั่งซื้อ 48,335 ล้านเยน หรือราว 358 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 4.2% ซึ่งเป็นผลจากการที่จีนสั่งซื้อลดลงมากถึง 14.1% อย่างไรก็ตาม การสั่งซื้อจากอุตสาหกรรมอีวี ไอที และโลจิสติกส์ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ยุโรป ยอดสั่งซื้อ 20,510 ล้านเยน หรือราว 152 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 20.2%
อเมริกาเหนือ ยอดสั่งซื้อ 33,030 ล้านเยน หรือราว 244 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 49.9% โดยมีลูกค้าหลักคืออุตสาหกรรมยานยนต์ อากาศยาน อวกาศ และธุรกิจ SME
ไทย ยอดสั่งซื้อ 1,586 ล้านเยน หรือราว 12 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 14.6%