Fuji Chimera Research Institute เผยยอดคาดการณ์มูลค่าตลาด Advanced Driver Assistance Systems (ADAS) ระดับโลกในปี 2017 ว่ามีมูลค่าอยู่ราว 1,107,500 ล้านเยน ซึ่งมากกว่าปี 2016 ถึง 32.3% และนับเป็นปีแรกที่ยอดมีทะลุล้านล้านเยน ซึ่งเป็นผลจากการที่มีรถยนต์รองรับเทคโนโลยี ADAS มากขึ้น รวมไปถึงการนำเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติระดับ 1 มาใช้เพื่อสนับสนุนความปลอดภัยกับรถมินิมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง

เทคโนโลยี ADAS บางส่วน ถูกนำมาใช้ในระบบขับขี่อัตโนมัติระดับ 2 ในฐานะเทคโนโลยีทางเลือกมาตั้งแต่ปี 2017  ซึ่งพบว่าลูกค้าที่เลือกใช้ ADAS นั้นมีจำนวนมาก และคาดว่าจะได้รับความไว้วางใจมากขึ้นตามไปด้วย ส่งผลให้ตลาดขยายตัวโดยมีมูลค่าอยู่ที่ 2,342,600 ล้านเยน ในปี 2015 ซึ่งเท่ากับ 2.8 เท่าจากเมื่อปี 2016

มูลค่าของตลาดเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติสำหรับปี 2017 คาดว่าจะปิดที่ 5,000 ล้านเยน ซึ่งในปี 2017 ก็มีการผลิตเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติระดับ 3 ซึ่งทำให้รถยนต์ขับเคลื่อนได้เองในเงื่อนไขที่ถูกกำหนดไว้ออกสู่ตลาด อย่างไรก็ตาม เนื่องจากไม่มีความคืบหน้าในด้านกฎหมายเพื่อรองรับการขับขี่อัตโนมัติบนท้องถนน ทำให้ตลาดมีขนาดค่อนข้างเล็ก

นอกจากนี้เทคโนโลยีปัจจุบันยังไปไม่ถึงขั้นที่สามารถปล่อยให้รถวิ่งเองได้โดยไม่ต้องจับพวงมาลัยหรือเหยียบคันเร่ง ทำให้ผู้ผลิตมุ่งไปที่การพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อเป็นออพชั่นเสริมให้กับรถที่เป็นผลิตภัณฑ์เรือธง (Flagship Car) แทนที่ ซึ่งคาดว่าจะมีมูลค่าอยู่ที่ 615,700 ล้านเยนในปี 2025

ADAS เป็นระบบที่ถูกออกแบบมาให้สนับสนุนผู้ขับขี่ด้วยการอาศัยข้อมูลจากกล้องและเรดาร์ในการแจ้งเตือนผู้ขับขี่ รวมไปถึงการควบคุมรถแบบอัตโนมัติ โดยใช้ฟังค์ชั่น Autonomous Emergency Braking (AEB) และ Autonomous Cruise Control system (ACC) ส่วนเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติจะใช้เซ็นเซอร์ในการตรวจสอบและวิเคราะห์สภาพแวดล้อมโดยรอบ เพื่อให้รถยนต์สามารถวิ่งได้ด้วยตัวเอง ซึ่งเป็นขั้นถัดไปของ ADAS ก็ว่าได้

โดย Fuji Chimera Research Institute ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกว่า ADAS ก็เปรียบได้กับรถยนต์ที่ไม่ติดตั้งระบบขับขี่อัตโนมัติ (ระดับ 0) มีระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ (ระดับ 1) และมีระบบอัตโนมัติบางส่วน (ระดับ 2) ส่วนระบบขับขี่อัตโนมัติเปรียบได้กับเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติแบบมีเงื่อนไข (ระดับ 3) ขับขี่อัตโนมัติเกือบสมบูรณ์ (ระดับ 4) และขับขี่อัตโนมัติเต็มรูปแบบ (ระดับ 5)

อ่านต่อ: นิสสันเตรียมทดสอบ “แท็กซี่ขับเคลื่อนอัตโนมัติ” บนถนนจริง