เมื่อวันที่ 30 มกราคมที่ผ่านมา มีรายงานยอดผลิต จำหน่าย และส่งออกยานยนต์ทั่วโลกจากผู้ผลิตสัญชาติญี่ปุ่นปี 2017 จากทั้ง 8 บริษัท อยู่ที่ 28,670,443 คัน สูงกว่าปี 2016 ถึง 4.4% และมากขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 โดยยอดจำหน่ายส่วนใหญ่จะเป็นยอดการสั่งซื้อที่มาจากต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศจีน ซึ่งส่งผลให้ตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศขยายตัวต่อเนื่อง โดยใน 7 บริษัทนั้นล้วนแต่ทำลายสถิติของตนทั้งสิ้นยกเว้นเพียง Mitsubishi

ส่วนยอดการผลิตภายในญี่ปุ่นนั้นอยู่ที่ 9,194,821 คัน มากกว่าปี 2016 ถึง 5.5% อันเป็นยอดที่เพิ่มสูงครั้งแรกในรอบ 3 ปีโดยมี Toyota และบริษัทอื่น ๆ ร่วม 5 แห่งที่มียอดผลิตสูงขึ้นจากปีก่อน โดย Daihatsu นั้นทำลายสถิติยอดผลิตสูงสุดนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท ซึ่งเป็นผลจากการเริ่มทำ OEM (Original Equipment Manufacturer) ให้กับ Toyota ถัดมาคือ Nissan ซึ่งประสบปัญหาทางด้านการตรวจสอบคุณภาพสินค้าจนต้องหยุดการผลิตชั่วคราว แต่ก็ได้ยอดขายในประเทศญี่ปุ่น และยอดส่งออกไปยังอเมริกาเหนือที่เพิ่มขึ้นอย่างมากเข้าช่วย ในส่วนของ Suzuki นั้น ก็กลับมาทำกำไรได้ในรอบ 3 ปี ทั้งยอดสั่งจากในและนอกญี่ปุ่น อย่างไรก็ตาม ในอีกด้านหนึ่งนั้น Subaru ประสบปัญหาเป็นครั้งแรกในรอบ 6 ปี อันเป็นผลพวงมาจากการย้ายฐานการผลิตซีรีย์ “Impreza” ไปยังสหรัฐฯ นับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2016

โดยยอดส่งออกในญี่ปุ่นนั้น ทั้ง 8 รายมียอดรวมกันที่ 4,434,134 คัน มากขึ้นจากปี 2016 1.8% และเป็นปีที่ 3 ของ Nissan ที่มียอดจัดส่งมากขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เริ่มผลิตรถ SUV “Rogue Sport” ถัดมาคือด้านของ Suzuki ที่มียอดสูงขึ้นในรอบ 7 ปี ซึ่งเป็นผลจากการเน้นตลาดต่างประเทศมากกว่าภายในญี่ปุ่น ส่วน Honda นั้น มียอดลดลงในรอบ 3 ปี เป็นผลจากการรวมสายการผลิตรถ “Fiat” ไปไว้ที่เม็กซิโก ส่วนยอดการผลิตทั่วโลกในเฉพาะเดือนธันวาคม 2017 นั้น มีจำนวนรวมสูงถึง 2,263,958 คัน มากขึ้นจากเดือนธันวาคม 2016 ถึง 1.7% นับว่าเป็นปีที่ 14 ซึ่งมียอดมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมี Honda, Mazda, และ Suzuki ที่ทำลายสถิติเดือนธันวาคมของบริษัทตนได้สำเร็จ