Fuji Keizai คาดการณ์ มูลค่าตลาดแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแบบ All Solid State ในตลาดโลกจะอยู่ที่ 2,787,700 ล้านเยนในปี 2035 ซึ่งมีปัจจัยหลักมาจากมาตรการด้านสภาพแวดล้อมของจีนและนานาประเทศที่ผลักดันให้รถยนต์ไฟฟ้าเป็นที่นิยม และผลักดันมูลค่าตลาด All Solid State Battery ที่ถูกใช้ในรถยนต์ไฟฟ้าให้เพิ่มขึ้นไปด้วย
 
All Solid State Battery มีคุณสมบัติโดดเด่นในด้านประสิทธิภาพ ความเร็ว และความปลอดภัยในการชาร์จไฟ ซึ่งเป็นผลจากการใช้อิเล็กโทรไลต์ของแข็ง (Solid Electrolyte) และได้รับความสนใจในการพัฒนาจากผู้ผลิตแบตเตอรี่ และผู้ผลิตยานยนต์เป็นจำนวนมาก แม้ว่าในปัจจุบันแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าส่วนใหญ่จะเป็นแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนก็ตาม
โดย Toyota ได้ตั้งเป้าใช้ All Solid State Battery ภายในช่วงปี 2020 - 2025 และ New Energy and Industrial Technology Development Organization (NEDO) ซึ่งอยู่ระหว่างการประสานความร่วมมือกับผู้ผลิตและมหาวิทยาลัยในการพัฒนาเทคโนโลยีพื้นฐาน เพื่อให้ All Solid State Battery ถูกนำมาใช้จริงเร็วขึ้น
 
Fuji Keizai คาดการณ์เพิ่มเติมว่า มูลค่าตลาดวัสดุ Sulfide ซึ่งจะถูกใช้ในการผลิต All Solid State Battery จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 2,120,000 ล้านเยนในปี 2035 เนื่องจากมีคุณสมบัติการก่อตัวที่ผิวหน้า (Interface Formation) ได้ง่ายกว่า Active Materials ทำให้สามารถผลิตแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ได้ง่าย ซึ่งจะส่งเสริมการนำไปใช้งานปริมาณมากต่อไป
 
เมื่อปี 2017 มูลค่าตลาด All Solid State Battery อยู่ที่ 2.1 พันล้านเยน และกว่าครึ่งที่เข้าสู่ตลาดเป็นกลุ่มลูกค้าค่ายรถยุโรป อย่างไรก็ตาม คาดการณ์ว่าหลังจากนี้ จะมีความต้องการวัสดุ Oxide ในกลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์, IoT, และ Wearable Device มากขึ้น
 
นอกจากนี้ ยังมีการคาดการณ์ถึง “Post Lithium-ion Batteries” ซึ่งประกอบด้วย Metal Air Battery ซึ่งมีคุณสมบัติในการชาร์จไฟด้วยน้ำและอากาศ, Sodium ion Battery ซึ่งใช้โซเดียมแทนลิเธียม, และ Magnesium Battery ซึ่งใช้แมกนีเซียมแทนลิเธียม ซึ่งคาดการณ์ว่าแบตเตอรี่ในกลุ่มนี้จะมีมูลค่า 1.49 หมื่นล้านเยนในปี 2035 โดยคาดว่า Sodium ion Battery จะเข้าสู่ตลาดในช่วงปี 2025 และ Metal Air Battery กับ Magnesium Battery จะเข้าสู่ตลาดหลังปี 2030