ธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (Japan Bank for International Cooperation: JBIC) เผยรายงานการพัฒนาธุรกิจ จากการตอบแบบสำรวจของบริษัทญี่ปุ่นขนาดใหญ่ 588 บริษัท ต่างลงความเห็นให้อินเดียเป็นประเทศที่มีศักยภาพในการเติบโตของอุตสาหกรรมการผลิตสูงที่สุดในอีก 3 ปีข้างหน้า แซงหน้าจีนที่อันดับตกลงมาเหตุจากสงครามการค้า และมีเวียดนามครองตำแหน่งอันดับ 3  สำหรับประเทศไทยตกลงจากปีก่อนในอันดับ 3 มาอยู่อันดับ 4 

รายงานการพัฒนาธุรกิจจาก JBIC ระบุว่า อัตราส่วนธุรกิจอุตสาหกรรมที่แสดงความเห็นว่าอินเดียมีศักยภาพที่จะเติบโตในด้านอุตสาหกรรมการผลิตอยู่ที่ 47.8% เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 1.6 จุด ในขณะที่จีนอยู่ที่ 44.6% ลดลงจากปีก่อน 7.6 จุด ตกลงมาเป็นอันดับ 2 สืบเนื่องจากสงครามการค้าที่ยืดยาวกว่าที่คาด และมีคะแนนลดลงที่สุดในประเทศ 10 อันดับแรก ในขณะเดียวกัน เวียดนาม ฟิลิบปินส์ และมาเลเซียมีความน่าเชื่อถือเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว ซึ่ง JBIC คาดการณ์ว่า เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นภูมิภาคที่มีแนวโน้มได้รับผลประโยชน์จากสงครามการค้ามากที่สุด อย่างไรก็ตาม หากประเทศผู้ผลิตเดิมตัดสินใจเพิ่มกำลังผลิตในประเทศแทนการย้ายฐานการผลิตแล้ว การเติบโตทางอุตสาหกรรมของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก็อาจไม่มากเท่าที่คาดการณ์

นอกจากนี้ รายงานยังระบุว่าสงครามการค้าส่งผลให้การลงทุนจากต่างชาติลดลง ซึ่ง 13.3% ของบริษัทที่ร่วมตอบแบบสำรวจคาดการณ์ว่า เม็ดเงินจากการลงทุนข้ามชาติจะลดลงอีกในอนาคต โดยมีบริษัทที่แสดงความเห็นว่าการลงทุนเพื่อตลาดจีนจะเพิ่มขึ้น 7 บริษัท และแสดงความเห็นว่าการลงทุนจะลดลง 67 บริษัท ซึ่งจากจำนวนนี้พบว่า ประเทศที่กำลังได้รับความสนใจแทนจีน คือ ไทย และ เวียดนาม

โดยผู้ร่วมตอบแบบสำรวจ มีทั้งหมด 588 บริษัท อยู่ในอุตสาหกรรมยานยนต์ 18.5% อุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์ 15.0% อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์ 14.1% และอื่น ๆ นอกจากนี้ ยังเป็นบริษัทที่มีทุนทะเบียนสูงกว่า 1 พันล้านเยนถึง 65.0% และมีเกณฑ์การคัดเลือก ดังนี้

1. เป็นบริษัทญี่ปุ่น ที่มีสาขาในต่างประเทศมากกว่า 3 สาขา
2. มีฐานการผลิตในต่างประเทศมากกว่า 1 แห่ง