โซล่าเซลล์ โรงงาน พลังงานแสงอาทิตย์, สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย

ภาคอุตสาหกรรมมองการเปิดเสรีพลังงานทางเลือกอย่างไร?

อัปเดตล่าสุด 30 ก.ย. 2565
  • Share :
  • 754 Reads   

ส.อ.ท. เผยผลสำรวจ FTI Poll ในหัวข้อ “มุมมองอุตสาหกรรมต่อการเปิดเสรีพลังงานทางเลือก” เพื่อบรรเทาผลกระทบค่าไฟฟ้าสูง วอนรัฐปรับปรุงกฎระเบียบและออกมาตรการจูงใจผลิตไฟฟ้าใช้เอง

วันที่ 30 กันยายน 2565 นายมนตรี มหาพฤกษ์พงศ์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจ FTI Poll ครั้งที่ 21 ในเดือนกันยายน 2565 ภายใต้หัวข้อ “มุมมองอุตสาหกรรมต่อการเปิดเสรีพลังงานทางเลือก” พบว่า จากผลกระทบของการปรับขึ้นค่าไฟฟ้า งวดเดือนกันยายน – ธันวาคม 2565 ที่ส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตของภาคอุตสาหกรรม และความจำเป็นในการเตรียมความพร้อมปฏิบัติตามมาตรการที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) เช่น มาตรการปรับราคาคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดนของสหภาพยุโรป (CBAM) เป็นต้น ทำให้ภาคอุตสาหกรรมมีแนวโน้มลงทุนผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนใช้เองภายในโรงงานมากขึ้น เพื่อบรรเทาผลกระทบจากค่าไฟฟ้าที่ปรับตัวสูงขึ้นและรักษาขีดความสามารถในการแข่งขัน ซึ่งจากผลสำรวจ FTI Poll พบว่า ผู้บริหาร ส.อ.ท. ส่วนใหญ่ มีแผนที่จะลงทุนผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนใช้เองภายในโรงงานในทันที โดยมองว่าการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ หรือโซล่าเซลล์ เป็นแหล่งพลังงานที่เหมาะสมที่สุดสำหรับภาคอุตสาหกรรม และคาดว่าจะมีความต้องการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนประมาณ 25% ของการใช้พลังงานทั้งหมดของโรงงาน 

ในส่วนของการเปิดเสรีพลังงานทางเลือก ผู้บริหาร ส.อ.ท. ส่วนใหญ่ มองว่า ภาครัฐควรมีการปรับปรุงกฎระเบียบการขออนุมัติอนุญาตผลิตไฟฟ้าใช้เองให้สะดวกยิ่งขึ้น เปิดให้เอกชนสามารถขายไฟฟ้าส่วนเกินกลับให้แก่ภาครัฐได้ รวมทั้งควรออกมาตรการแรงจูงใจให้เอกชนมีการลงทุนผลิตไฟฟ้าใช้เอง เพื่อลดภาระของภาครัฐในการบริหารจัดการไฟฟ้าและส่งเสริมให้เกิดการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตามเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral) ภายในปี 2593 และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2608 ของประเทศไทย 

นอกจากนี้เพื่อรองรับการเปิดเสรีพลังงานทางเลือกในอนาคต ภาครัฐควรเร่งส่งเสริมการลงทุนในการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนใช้เองภายในโรงงาน มีการจัดตั้งหน่วยงาน One stop service เพื่ออำนวยความสะดวกในการขออนุมัติอนุญาต รวมทั้ง บูรณาการปรับปรุงโครงสร้างราคาพลังงานทั้งระบบ ตั้งแต่ต้นทุนการรับซื้อไฟฟ้า ค่าบริการต่างๆ และค่าไฟฟ้า เพื่อให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง ทำให้เกิดการแข่งขันด้านราคา และลดภาระผู้บริโภค ซึ่งผู้บริหาร ส.อ.ท. คาดการณ์ว่า แนวโน้มความต้องการพลังงานของภาคอุตสาหกรรมในปี 2566 จะปรับเพิ่มขึ้นอีก 10% จากปี 2565 อันเนื่องมาจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่กลับเข้าสู่ภาวะปกติ จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มมากขึ้น และการส่งออกที่จะขยายตัวต่อเนื่อง

จากการสำรวจผู้บริหาร ส.อ.ท. (CEO Survey) จำนวน 220 ท่าน ครอบคลุมผู้บริหารจาก 45 กลุ่มอุตสาหกรรม และ 76 สภาอุตสาหกรรมจังหวัด มีสรุปผลการสำรวจ FTI Poll ครั้งที่ 21 จำนวน 6 คำถาม ดังนี้

1. ปัจจุบันภาคอุตสาหกรรมมีความต้องการใช้พลังงานหมุนเวียน คิดเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ของการใช้พลังงานทั้งหมด (Single choice)

อันดับที่ 1 : 25%  คิดเป็น  39.6%
อันดับที่ 2 : ไม่จำเป็น  คิดเป็น  31.4%
อันดับที่ 3 : 50%  คิดเป็น  19.5%
อันดับที่ 4 : 75%  คิดเป็น  9.5% 

2. ภาคอุตสาหกรรมจะมีแผนในการใช้พลังงานหมุนเวียนภายในเมื่อไหร่ (Single choice)

อันดับที่ 1 : ทันที  คิดเป็น  34.1%
อันดับที่ 2 : ภายใน 3 ปี  คิดเป็น  29.1%
อันดับที่ 3 : ภายใน 1 ปี  คิดเป็น  23.6%
อันดับที่ 4 : ภายใน 5 ปี  คิดเป็น  13.2%

3. ประเภทพลังงานทางเลือกใดที่จะเหมาะสมนำมาใช้กับภาคอุตสาหกรรม (Multiple choices)

อันดับที่ 1 : แสงอาทิตย์  คิดเป็น  95.9%
อันดับที่ 2 : ชีวมวล  คิดเป็น  28.2% 
อันดับที่ 3 : ก๊าซชีวภาพ  คิดเป็น  14.1%
อันดับที่ 4 : พลังงานจากขยะ  คิดเป็น  13.6%
อันดับที่ 5 : พลังงานลม  คิดเป็น  5.9%

4. ปัจจัยใดจะช่วยส่งเสริมให้เกิดการซื้อขายพลังงานทางเลือกได้อย่างเสรี (Multiple choices)

อันดับที่ 1 : ปรับปรุงกฎระเบียบการขออนุญาตผลิตไฟฟ้าใช้เองและขายไฟฟ้ากลับ ให้แก่ภาครัฐให้สะดวก และเกิดแรงจูงใจในการลงทุน  คิดเป็น  78.6% 
อันดับที่ 2 : ส่งเสริมให้เกิดตลาดซื้อขายพลังงานที่เอกชนสามารถแข่งขันได้อย่างเป็นธรรม (Energy Trading) หรือแพลตฟอร์มซื้อขายไฟฟ้าเสรี  คิดเป็น  65.0%
อันดับที่ 3 : สนับสนุนเงินลงทุนในการใช้ระบบกักเก็บพลังงาน (Energy storage) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตไฟฟ้าใช้เอง  คิดเป็น  62.3%
อันดับที่ 4 : ส่งเสริมและปรับขั้นตอนให้เอกชนสามารถลงทุนโรงไฟฟ้าได้สะดวก เพื่อให้เกิดการแข่งขัน  คิดเป็น  59.5%

5. ภาครัฐจะต้องปรับปรุงเรื่องใดเพื่อรองรับการเปิดเสรีพลังงานทางเลือก (Multiple choices)

อันดับที่ 1 : ส่งเสริมการลงทุนผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนใช้เองภายในโรงงาน  คิดเป็น  75.5%
อันดับที่ 2 : จัดตั้งหน่วยงาน One stop service เพื่ออำนวยความสะดวก ในการขออนุญาตผลิตไฟฟ้าใช้เองและรับซื้อไฟฟ้าคืน รวมทั้ง ปรับลดค่าใช้จ่ายในการขออนุญาต  คิดเป็น  60.5%
อันดับที่ 3 : บูรณาการปรับปรุงโครงสร้างราคาพลังงานทั้งระบบ ตั้งแต่ต้นทุนการรับซื้อไฟฟ้า ค่าบริการต่างๆ และค่าไฟฟ้า เพื่อให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง เกิดการแข่งขัน ด้านราคาและลดภาระผู้บริโภค  คิดเป็น  58.6%
อันดับที่ 4 : ปลดล็อคเงื่อนไขการผลิตไฟฟ้าให้สามารถมีกำลังการผลิตได้เกิน 1 เมกะวัตต์ โดยที่ไม่ต้องขอใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน (รง.4)  คิดเป็น  58.6%

6. แนวโน้มความต้องการพลังงานของภาคอุตสาหกรรมในปี 2566 จะเป็นไปในทิศทางใด (Single choice)

อันดับที่ 1 : เพิ่มขึ้น 10%  คิดเป็น  47.3%
อันดับที่ 2 : คงที่  คิดเป็น  28.2%
อันดับที่ 3 : เพิ่มขึ้น 20%  คิดเป็น  21.4%
อันดับที่ 4 : ลดลง 10%  คิดเป็น  1.8%
อันดับที่ 5 : ลดลง 20%  คิดเป็น  1.3%

 

บทความยอดนิยม 10 อันดับ

 

อัปเดตข่าวทุกวันที่นี่ www.mreport.co.th   

Line / Facebook / Twitter / YouTube @MreportTH