โควิดฉุดยอดขายไตรมาส 1 “บางจาก” หดงบฯลงทุน 7,000 ล้าน ลดกำลังการผลิต 20% ลากยาวแผนสร้างโรงงานแบตลิเธียมหลังผังเมืองอีอีซีไม่ลงตัว “ชัยวัฒน์” ย้ำไม่ทิ้งโครงการแน่ มุ่งศึกษาเทคโนโลยีที่ดีที่สุด แง้มอาจย้ายเข้านิคมอุตสาหกรรมแก้ปมผังเมือง หวังครึ่งปีหลังอานิสงส์คลายล็อกเฟส 4 ดันยอดขายเพิ่ม ช่วยยอดขายน้ำมันปี63 หดแค่ 10%

นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทได้ปรับลดแผนการลงทุนปีนี้เหลือ 22,800 ล้านบาท จากเดิมที่ตั้งงบประมาณสำหรับการลงทุนไว้ 29,800 ล้านบาท และเลื่อนการลงทุนในโครงการที่ไม่จำเป็น โดยจะปรับแผนเปิดสถานีบริการน้ำมันจาก 60 สาขา เหลือ 54-55 สาขา ลดกำลังการกลั่นลงจาก 120,000 บาร์เรล/วัน ลง 20% และปรับสัดส่วนการผลิตน้ำมันอากาศยาน (jet) จาก 10-11% เปลี่ยนเป็นเป็นน้ำมันดีเซลแทน เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้ไตรมาส 2/2563 ยอดขายน้ำมันคาดว่าจะหายไป 10% จากปกติมียอดขายผ่านสถานีบริการน้ำมันเฉลี่ยเดือนละ 340-350 ล้านลิตร ขณะที่ไตรมาส 1/2563 ยอดขายหายไป 5% และมากที่สุดคือช่วงเดือน เม.ย. หายไปถึง 20% จากสถานการณ์ดังกล่าวจึงคาดว่าทั้งปียอดขายน้ำมันน่าจะลดลงประมาณ 10%

อย่างไรก็ตาม ในส่วนการลงทุนโครงการก่อสร้างโรงงานแบตเตอรี่ลิเธียมซึ่งอยู่ในแผน 5 ปีของบริษัทนั้น ยังคงอยู่ระหว่างศึกษาหาเทคโนโลยีที่ดีที่สุด คาดว่ายังลงทุนพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา แม้ว่าจะยังติดปัญหาผังเมืองพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) แต่ไม่ได้ล้มเลิกโครงการนี้ ด้วยบริษัทยังไม่ใช่เจ้าของพื้นที่ ดังนั้นจึงสามารถหาพื้นที่ใหม่ที่เหมาะสมได้ ซึ่งตัวเลือกอาจย้ายเข้าไปอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมแทน

“เพราะมันยังมีบริษัทที่เขาออกแบตเตอรี่รถวิ่งได้ไกลหลายกิโลเมตร เราก็อยากรู้ว่าเขาใช้เทคโนโลยีอะไร การหาพื้นที่ลงทุนโรงงานแบตลิเธียมเรายังไม่ปักหมุดที่ไหน ชั่วโมงนี้เราต้องดูที่ความเหมาะสมว่าการลงทุนแต่ละอันอันไหนลดค่าใช้จ่ายได้ก็ต้องลด อันไหนที่ยังไม่ลงทุนเราก็ชะลอไปก่อน โครงการยังศึกษาอยู่ แต่ไม่จำเป็นว่าเราต้องเป็นเจ้าของพื้นที่ อาจไปเช่าที่นิคมอุตสาหกรรมแทน ส่วนโครงการชีวภาพ (Bio) คืบหน้าไปไกลแล้ว”

ส่วนแผนขายลิเธียมต้องล่าช้าออกไป 6 เดือน เพราะโควิด-19 จึงอาจจะสามารถขายได้ปลายปี 2564 และยังคงเป็นแผนทำแบตเตอรี่รถยนต์ EV ซึ่งยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะฝากพาร์ตเนอร์ขาย หรือทำตลาดเอง แม้ว่ามีบางรายติดต่อซื้อโควตาที่บริษัทมีอยู่

สำหรับแนวโน้มยอดขายครึ่งปีหลัง คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากมีการทยอยคลายล็อกกิจการที่ถูกปิดไปช่วงของการระบาดโควิด-19 บวกกับการทดลองเปิดกิจการเฟส 4 จึงเริ่มเห็นสัญญาณประชาชนใช้รถยนต์ส่วนตัวมากขึ้น เป็นปัจจัยบวกช่วยดันยอดขายน้ำมัน

ขณะที่ค่าการกลั่น (GRM) ในไตรมาส 2 คาดว่าจะใกล้เคียงหรือสูงกว่าไตรมาส 1/2563 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 2.87 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล อย่างไรก็ตาม มีแนวโน้มว่าโรงกลั่นขนาดเล็กหลายแห่ง อาทิ นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย จะปิดกิจการถาวร เนื่องจากแข่งขันไม่ได้ ซึ่งหวังว่าอาจทำให้ค่าการกลั่นน้ำมันครึ่งปีหลังปรับตัวดีขึ้น

รายงานข่าวระบุว่า เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 2562 กรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย ได้ประกาศการใช้ผังเมือง EEC ใหม่ ซึ่งไม่ปรับสีผังสีม่วง ส่งผลให้เอกชนที่เคยยื่นขอจัดตั้งโครงการและนิคมอุตสาหกรรมบางส่วนไม่สามารถดำเนินการจัดตั้งได้ และหนึ่งในนั้นคือโครงการบางจาก ขนาดพื้นที่ 5,800 ไร่ จ.ฉะเชิงเทรา ต้องหาพื้นที่ใหม่