พักหนี้ 6 เดือน, น้ำท่วมโรงงาน, สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย Soft Loan

ส.อ.ท. ชงรัฐ ลดหย่อนภาษีฯ พักหนี้ 6 เดือน ออก Soft loan ช่วยโรงงานที่ประสบอุทกภัย

อัปเดตล่าสุด 2 พ.ย. 2565
  • Share :
  • 602 Reads   

ส.อ.ท. ชงรัฐ ลดหย่อนภาษีฯ พักชำระหนี้ 6 เดือน ออก Soft loan ช่วยโรงงานที่ประสบอุทกภัย พร้อมเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและเครื่องมือการบริหารจัดการน้ำ แก้ปัญหาอุทกภัยในระยะยาว

วันที่ 2 พฤศจิกายน 2565 นายมนตรี มหาพฤกษ์พงศ์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจ FTI Poll ครั้งที่ 22 ในเดือนตุลาคม 2565 ภายใต้หัวข้อ “มาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย และการบริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ” พบว่า จากผลกระทบของปัญหาอุทกภัยที่เกิดขึ้นในช่วงเดือนกันยายน – ตุลาคมที่ผ่านมา ผู้บริหาร ส.อ.ท. ส่วนใหญ่ มีความกังวลต่อสถานการณ์น้ำและผลกระทบจากอุทกภัยในปี 2565 ในระดับปานกลาง และมองว่า การที่ประเทศไทยมีโครงสร้างพื้นฐานในการจัดการน้ำเชิงพื้นที่ไม่เพียงพอ เช่น อ่างเก็บน้ำ ฟลัดเวย์ ประตูระบายน้ำ เป็นต้น ประกอบกับการบริหารจัดการน้ำและการระบายน้ำที่ไม่มีประสิทธิภาพนั้น เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหาอุทกภัยและน้ำท่วมซ้ำซากในหลายพื้นที่จนส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชนและทำให้ภาคธุรกิจได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม

ผู้บริหาร ส.อ.ท. จึงเสนอขอให้ภาครัฐมีการแก้ไขปัญหาอุทกภัยในระยะยาวอย่างยั่งยืน โดยขอให้เร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและเครื่องมือในการบริหารจัดการน้ำ เช่น ฟลัดเวย์ โครงการแก้มลิง อ่างเก็บน้ำ เขื่อน เป็นต้น รวมทั้งมีการบูรณาการปรับปรุงผังเมือง ผังน้ำทั่วประเทศ และแก้ปัญหาสิ่งปลูกสร้างขวางทางน้ำอย่างเป็นระบบ เพื่อป้องกันปัญหาอุทกภัยในอนาคตและเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ ในส่วนมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยปี 2565 ผู้บริหาร ส.อ.ท. ส่วนใหญ่ อยากให้ภาครัฐออกมาตรการให้ผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยสามารถนำค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมอสังหาริมทรัพย์และเครื่องจักรไปหักลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลได้ 100% รวมทั้งออกมาตรการสินเชื่อฟื้นฟูผู้ประกอบการจากอุทกภัย โดยอัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 1% และมีการพักชำระหนี้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย เป็นเวลา 6 เดือน เพื่อช่วยเหลือเยียวยาภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ทั้งนี้ในปี 2566 ผู้บริหาร ส.อ.ท. มีความกังวลต่อความเสี่ยงในการเกิดปัญหาอุทกภัยมากกว่าปัญหาน้ำแล้ง ซึ่งทั้ง 2 ปัญหา เป็นการบ้านที่สำคัญของรัฐบาลที่จะต้องเร่งเตรียมความพร้อมในการบริหารจัดการน้ำ เพื่อรับมือกับสถานการณ์ทั้งอุทกภัยและน้ำแล้งที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

จากการสำรวจผู้บริหาร ส.อ.ท. (CEO Survey) จำนวน 176 ท่าน ครอบคลุมผู้บริหารจาก 45 กลุ่มอุตสาหกรรม และ 76 สภาอุตสาหกรรมจังหวัด มีสรุปผลการสำรวจ FTI Poll ครั้งที่ 22 จำนวน 5 คำถาม ดังนี้

1. ความกังวลต่อสถานการณ์น้ำ และอุทกภัยในปี 2565 (Single choice)

อันดับที่ 1 : ปานกลาง  คิดเป็น  53.4%
อันดับที่ 2 : มาก  คิดเป็น  28.4%
อันดับที่ 3 : น้อย  คิดเป็น  18.2%

2. ปัญหาอุทกภัยและน้ำท่วมซ้ำซากในประเทศไทยเกิดจากสาเหตุใด (Multiple choices)

อันดับที่ 1 : โครงสร้างพื้นฐานในการจัดการน้ำเชิงพื้นที่ไม่เพียงพอ เช่น อ่างเก็บน้ำ ฟลัดเวย์ ประตูระบายน้ำ เป็นต้น  คิดเป็น  73.9%
อันดับที่ 2 : การบริหารจัดการน้ำ และการระบายน้ำยังไม่มีประสิทธิภาพ  คิดเป็น  72.7%
อันดับที่ 3 : ขาดการขุดลอกคูคลอง ขยะอุดตันท่อระบายน้ำ และสิ่งปลูกสร้างขวางทางน้ำ  คิดเป็น  59.7%
อันดับที่ 4 : การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและภาวะโลกร้อน  ทำให้เกิดภัยธรรมชาติมีความถี่และมีความรุนแรงมากขึ้น  คิดเป็น  53.4%

3. ภาครัฐควรบริหารจัดการเพื่อแก้ไขปัญหาอุทกภัยและการบริหารจัดการน้ำให้มีประสิทธิภาพในระยะยาวอย่างไร (Multiple choices)

อันดับที่ 1 : พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและเครื่องมือในการบริหารจัดการน้ำ เช่น ฟลัดเวย์ โครงการแก้มลิง อ่างเก็บน้ำ เขื่อน เป็นต้น  คิดเป็น  81.3%
อันดับที่ 2 : บูรณาการปรับปรุงผังเมือง ผังน้ำทั่วประเทศ  และแก้ปัญหาสิ่งปลูกสร้างขวางทางน้ำอย่างเป็นระบบ  คิดเป็น  76.1%
อันดับที่ 3 : ฟื้นฟูป่าต้นน้ำและส่งเสริมการปลูกป่า เพื่อเป็นแหล่งในการดูดซับและชะลอน้ำ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตไฟฟ้าใช้เอง  คิดเป็น  51.7%
อันดับที่ 4 : จัดทำแผนบริหารจัดการน้ำและขับเคลื่อนแผนงาน/แผนปฏิบัติการในระดับลุ่มน้ำ ผ่านกลไกของคณะกรรมการลุ่มน้ำ  คิดเป็น  42.6%
       
4. มาตรการที่มีความจำเป็นในการช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย (Multiple choices)

อันดับที่ 1 : สามารถนำค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมอสังหาริมทรัพย์และเครื่องจักร ไปหักลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลได้ 100%  คิดเป็น  67.6%
อันดับที่ 2 : มาตรการสินเชื่อฟื้นฟู อัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 1% และการพักชำระหนี้ ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย เป็นเวลา 6 เดือน  คิดเป็น  65.9%
อันดับที่ 3 : รัฐตั้งกองทุนรับประกันความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติ เพื่อให้ครอบคลุมกับ ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับภาคธุรกิจ  คิดเป็น  48.3%
อันดับที่ 4 : สำนักงานประกันสังคมช่วยชดเชยค่าจ้างแรงงาน 50% ให้แก่ธุรกิจ ที่ได้รับผลกระทบ  คิดเป็น  43.8%

5. ความกังวลต่อสถานการณ์อุทกภัยและภาวะน้ำแล้งในปี 2566 (Single choice)

อันดับที่ 1 : มีความกังวลต่อความเสี่ยงในการเกิดปัญหาอุทกภัย  คิดเป็น  47.7%
อันดับที่ 2 : มีความกังวลต่อความเสี่ยงในการเกิดปัญหาน้ำแล้ง  คิดเป็น  39.2%
อันดับที่ 3 : ไม่กังวล  คิดเป็น  13.1%

 

บทความยอดนิยม 10 อันดับ

 

อัปเดตข่าวทุกวันที่นี่ www.mreport.co.th   

Line / Facebook / Twitter / YouTube @MreportTH