นิสสัน เริ่มสายการผลิต “นิสสัน คิกส์ อี-พาวเวอร์ ใหม่” ในไทยอย่างเป็นทางการ

นิสสัน เริ่มสายการผลิต “นิสสัน คิกส์ อี-พาวเวอร์ ใหม่” ในไทยอย่างเป็นทางการ

อัปเดตล่าสุด 4 ส.ค. 2563
  • Share :
  • 1,025 Reads   

นิสสัน ประเทศไทย เริ่มสายการผลิต นิสสัน คิกส์ อี-พาวเวอร์ ใหม่ อย่างเป็นทางการ และพร้อมส่งมอบรถยนต์ชุดแรกให้กับลูกค้าในประเทศไทย โดยไทยถือเป็นประเทศแรกที่ผลิตเทคโนโลยีอี-พาวเวอร์ ของนิสสัน ต่อจากประเทศญี่ปุ่น ตอกย้ำความสำคัญของของประเทศไทยที่เป็นศูนย์กลางการผลิตสำหรับนิสสันในเอเชีย และโอเชียเนีย

นายราเมช นาราสิมัน ประธาน นิสสัน ประเทศไทย กล่าวว่า การได้เห็นรถยนต์นิสสัน คิกส์ อี-พาวเวอร์ ใหม่ คันแรกออกมาจากสายการผลิตสำหรับประเทศไทยนั้นเป็นช่วงเวลาที่น่าประทับใจ แสดงให้เห็นถึงการเดินทางของเราผ่านช่วงที่มีโรคระบาด ตั้งแต่การเปิดตัว นิสสัน คิกส์ อี-พาวเวอร์ ใหม่ ตลอดจนกลับมาเดินสายการผลิตรถยนต์ รวมถึงการผลิต อี-พาวเวอร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดของนิสสัน  
 
“นิสสัน ขยายฐานการผลิตอย่างมีนัยสำคัญและเราลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศไทยอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างงาน และช่วยผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจ”
 
พนักงานนิสสัน ประเทศไทย มากกว่า 5,000 คนมีส่วนร่วมในการผลิตนิสสัน คิกส์ อี-พาวเวอร์ ใหม่ โดยพนักงานเหล่านี้ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีเพื่อรองรับมาตรฐานการผลิตระดับโลกโดยใช้เทคโนโลยี อันทันสมัยพร้อมด้วยการสนับสนุนจากผู้จำหน่ายฯ และผู้ผลิตชิ้นส่วนในประเทศไทยของนิสสัน ที่พร้อมจะช่วยนำความสำเร็จของ นิสสัน คิกส์ อี-พาวเวอร์ ใหม่ นี้ สู่การแข่งขันในตลาดรถยนต์กลุ่มคอมแพ็ค เอสยูวี
 
ดีไซน์ที่โดดเด่น และสมรรถนะสูง พร้อมกับ เทคโนโลยี นิสสัน อินเทลลิเจนท์ โมบิลิตี ครบครัน นิสสัน คิกส์ อี-พาวเวอร์ จึงเป็นข้อพิสูจน์ถึงความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมของนิสสันในภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนีย
 
ประเทศไทยเป็นหนึ่งในฐานการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ และเพื่อส่งออกไปประเทศญี่ปุ่น รวมถึงตลาดสำคัญต่าง ๆ ในอาเซียนของนิสสัน นิสสัน ประเทศไทย มีมาตรฐานการประเมินคุณภาพที่เข้มงวดเพื่อให้มั่นใจว่าคุณภาพการผลิตรถยนต์ในประเทศไทยจะได้รับมาตรฐานเทียบเท่ากับประเทศญี่ปุ่น และเพื่อรองรับการผลิตรถยนต์รุ่นใหม่ นิสสัน ได้มีการลงทุนอย่างต่อเนื่องในระบบออโตเมชันขั้นสูงในกระบวนการควบคุมคุณภาพนี้ โดยลูกค้าผู้สนใจสามารถติดต่อได้ที่ผู้จำหน่ายฯ ของนิสสัน


อ่านต่อ: