อียู เลิกขายรถยนต์เครื่องยนต์สันดาป 2035

อียูเร่งเครื่อง ลดคาร์บอน ร่นเวลาแบนน้ำมัน ดันอีวี 100% ปี 2035

อัปเดตล่าสุด 22 ก.ค. 2564

อียูเล็งปรับไทม์ไลน์ เลิกขายยานยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาป ทั้งรถเบนซิน และรถดีเซล รวมถึงรถไฮบริดภายในปี 2035 นี้ ท่ามกลางกระแสคัดค้านเสียงแข็งจากภาคอุตสาหกรรมยานยนต์

Advertisement

เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2021 คณะกรรมาธิการยุโรป ได้เสนอให้ปรับไทม์ไลน์การลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากยานยนต์ ซึ่งจากเดิมตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซ 37.5% ในปี 2030 เป็น 55% ในปีเดียวกัน ก่อนเพิ่มเป็น 100% ในปี 2035

หากข้อเสนอนี้ได้รับการอนุมัติ ยานยนต์ประเภทอื่น เช่น รถยนต์ไฮบริด และรถปลั๊กอินไฮบริด จะถูกจัดเป็นรถยนต์ที่มีเครื่องยนต์มลพิษต่ำ (low-emission vehicle) ถึงปี 2035 เท่านั้น และจะขยายวงกว้างขึ้นเพื่อบังคับใช้กับผู้ผลิตยานยนต์รายย่อยที่แต่เดิมได้รับการยกเว้นอีกด้วย

หากข้อเสนอได้รับการลงมติเห็นชอบ 27 ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปจะต้องยุติการขายยานยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาป ทั้งรถเบนซิน และรถดีเซล รวมถึงรถไฮบริดภายในปี 2035 นี้

โดยปัจจุบัน สหภาพยุโรปยังไม่ได้มีข้อสรุปหรือเปิดเผยเอกสารอย่างเป็นทางการ แต่สื่อต่างชาติหลายรายรายงานว่า การเสนอมาตรการในครั้งนี้สืบเนื่องจากการลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในปัจจุบันที่ไม่เป็นไปตามเป้า โดยเฉพาะจากการคมนาคมทางท้องถนนที่ยังมีแนวโน้มปล่อยคาร์บอนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

แม้ว่าปัจจุบันค่ายรถยุโรปหลายรายจะตั้งเป้ายอดขายรถยนต์ไฟฟ้าไว้ที่ 100% ในปี 2030 แต่ข้อเสนอของคณะกรรมาธิการยุโรปในครั้งนี้ก็ได้รับการต่อต้านจากภาคอุตสาหกรรมยานยนต์เป็นอย่างมาก ซึ่งหลายค่ายรถแสดงความเห็นว่า จะยอมรับนโยบายนี้ต่อเมื่อรัฐบาลสนับสนุนการลงทุนเท่านั้น

และไม่ใช่ทุกประเทศจะเห็นด้วยกับร่างนโยบายฉบับใหม่นี้ เช่น ฝรั่งเศส ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง แสดงความเห็นว่าต้องการให้ยืดระยะเวลาสำหรับการขายรถปลั๊กอินไฮบริดออกไปอีก

นอกจากนี้ Andreas Scheuer รัฐมนตรีกระทรวงคมนาคมของเยอรมนี ยังเตือนว่านโยบายนี้เป็นเรื่องที่ยากเกินไปที่อุตสาหกรรมยานยนต์จะทำตามได้สำเร็จ

สมาคมผู้ผลิตรถยนต์ยุโรป แสดงความเห็นว่า มาตรการนี้เป็นสิ่งที่ไม่สมเหตุสมผลเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากการเปลี่ยนผ่านไม่อาจพึ่งพาเทคโนโลยีใดเทคโนโลยีหนึ่ง แต่ต้องใช้ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้า เครื่องยนต์ไฮบริด แบตเตอรี่ เซลล์พลังงานเชื้อเพลิง และอื่น ๆ ควบคู่กันจึงจะเกิดขึ้นได้จริง

Oliver Zipse ประธานสมาคมผู้ผลิตรถยนต์ยุโรป และหัวหน้าบอร์ดบริหาร BMW แสดงความเห็นว่า แผนนี้จะประสบความสำเร็จเฉพาะในส่วนโครงสร้างพื้นฐานด้านสถานีชาร์จพลังงานเท่านั้น

Frans Timmermans หัวหน้าฝ่ายนโยบายสภาพอากาศจากอียู แสดงความเห็นว่า ปัจจุบันการเปลี่ยนผ่านสู่ยุครถยนต์ไฟฟ้าเกิดขึ้นเร็วกว่าการคาดการณ์ อย่างไรก็ตาม เป็นหน้าที่ของผู้ออกนโยบายที่จะต้องร่างนโยบายที่มีความเข้มงวดมากขึ้น