อินเดีย - เวียดนาม ฮับแห่งใหม่ของซัพพลายเชนโลก

อัปเดตล่าสุด 16 ม.ค. 2566

เดิมทีจีนเป็นฐานการผลิตสำคัญแห่งหนึ่งของโลก แต่ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันทำให้หลายธุรกิจเล็งอินเดียและเวียดนามเป็นฮับแห่งใหม่ของซัพพลายเชน

เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2023 สำนักข่าว South China Morning Post อ้างอิงข้อมูลจากผลสำรวจโดย Container xChange แพลตฟอร์มออนไลน์ด้านโลจิสติกส์จากเยอรมนี ระบุในปี 2022 ที่ผ่านมา หลายบริษัททั่วโลกเล็งเวียดนามและอินเดียเป็นตัวเลือกใหม่ที่น่าสนใจในการกระจายซัพพลายเชนออกจากประเทศจีน

Advertisement

ผลสำรวจซึ่งจัดทำโดย Container xChange มีผู้เชี่ยวชาญร่วมตอบแบบสอบถามกว่า 2,600 ราย จาก 20 ประเทศ โดยผู้ร่วมตอบแบบสอบถามมากถึง 67% คาดการณ์ว่า อินเดียและเวียดนามจะขึ้นมาเป็นฮับแห่งใหม่ในปีนี้ สะท้อนให้เห็นว่าทั้งสองประเทศกำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในฐานะตัวเลือกเพื่อกระจายความเสี่ยงด้านซัพพลายเชนออกจากประเทศจีน

โดยบลูมเบิร์กรายงานว่า ในช่วงเดือนเมษายน - ธันวาคม 2022 ยอดส่งออกไอโฟนจากอินเดียเพิ่มสูงขึ้นเกือบ 2 เท่าจากช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อนหน้า ในขณะที่ Tata Group กลุ่มบริษัทชั้นนำของอินเดีย มีแผนซื้อโรงงานในท้องถิ่นจากผู้ผลิตไต้หวันเพื่อใช้เป็นฐานผลิตไอโฟนแห่งแรกที่อยู่ภายใต้ธุรกิจอินเดียโดยตรง

ด้านรัฐบาลเวียดนามเผยว่า ยอดส่งออกสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มั่นคงทำให้เวียดนามเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ สูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปี 2022 ที่ผ่านมา

เวียดนามก้าวไปอีกขั้น ผลิตชิปเซมิคอนดักเตอร์

ผลสำรวจยังระบุถึงธุรกิจสหรัฐฯ มีแนวโน้มย้ายฐานการผลิตในต่างประเทศไปยังประเทศที่เป็นชาติพันธมิตร เพื่อป้องกันไม่ให้ประเทศต่าง ๆ โดยเฉพาะจีนและรัสเซียใช้ประโยชน์จากความได้เปรียบทางการตลาดในด้านวัตถุดิบและอาหารอีกด้วย

ยกตัวอย่างเช่น Dell Technologies ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์รายใหญ่ ซึ่งรายงานจากสำนักข่าว Nikkei Asia เผยว่ามีแผนเลิกจัดหาชิปเซมิคอนดักเตอร์จากจีนภายในปี 2024 และมีแนวโน้มย้ายฐานการผลิตราวครึ่งหนึ่งออกจากจีนภายในปี 2025
การกระจายความเสี่ยงด้านซัพพลายเชนไม่ใช่เพียงเหตุผลเดียวเท่านั้น โดยอีกสาเหตุ คือ ภาวะเงินเฟ้อและการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ ซึ่งผู้ตอบแบบสอบถาม 88% เล็งเห็นว่าเป็นปัจจัยที่จะเข้ามากระทบธุรกิจในปี 2023 นี้ ตามด้วยสงคราม โควิดในจีน และการประท้วงของแรงงาน

นาย Christian Roeloffs CEO บริษัท Container xChange แสดงความเห็นว่า ปัจจุบันยุโรปกำลังเผชิญหน้ากับภาวะเงินเฟ้อครั้งใหญ่ ในขณะที่จีนยังมีการระบาดของโควิดอย่างรุนแรง ส่วนสหรัฐฯ ต้องเผชิญกับปัญหาด้านการขนส่งและแรงงานที่ยังไม่สิ้นสุด ซึ่งคาดว่าในปี 2023 แนวโน้มเหล่านี้จะดำเนินต่อไป