ธันยนันท์ ลีนุตพงษ์ ใส่ “เกีย” เติมความสุขทุกครอบครัว

อัปเดตล่าสุด 2 ก.ค. 2561
  • Share :
  • 489 Reads   

เป็นผู้บริหารรุ่นใหม่ที่มีใจและความมุ่งมั่นเกินร้อยที่จะเดินหน้าสานต่อธุรกิจของครอบครัว ให้อยู่คู่กับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยไปอีกยาวนาน ล่าสุดผู้บริหารสาว “ลูกแพร์” ธันยนันท์ ลีนุตพงษ์ ศิริมงคลเกษม กรรมการบริหาร บริษัท ยนตรกิจ เกีย มอเตอร์ จำกัด ลูกสาวคนโตของเสี่ย สรวิศย์ ลีนุตพงษ์ ซีอีโอ บริษัท ยนตรกิจคอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดใจให้สัมภาษณ์ถึงเป้าหมายและทิศทางของเกียไว้อย่างน่าติดตาม


Q : การตอบรับรถ EV ของลูกค้า

หลังจากเราตัดสินใจแนะนำรถยนต์ไฟฟ้า หรือรถอีวีเป็นรายแรกของประเทศไทย เมื่อช่วงงานมอเตอร์เอ็กซ์โปที่ผ่านมา คือ เกีย โซล อีวี เราพบว่ามีปัญหาและอุปสรรคหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นในส่วนของการทำประกันภัยให้กับตัวรถ ที่หาบริษัทเข้ามาดูแลได้ค่อนข้างยาก โดยเฉพาะปัญหาเรื่องการประเมินค่าใช้จ่ายการทำประกัน การยอมรับจากกลุ่มลูกค้า รวมไปถึงการทำราคาจำหน่ายที่เมื่อเทียบกับเครื่องยนต์สันดาป หรือเครื่องยนต์ไฮบริด ซึ่งราคาไม่ได้แตกต่างเท่าที่ควรซึ่งส่งผลให้เกีย โซลของเราไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ คือมียอดขาย 5 คันต่อปี เพราะตลอดระยะเวลาหลังจากแนะนำตัวมานั้น เรามียอดขายได้เพียงแค่ 1 คันเท่านั้น


Q : ได้บทเรียนอะไรจากการเป็น “รายแรก”

สิ่งสำคัญ เราต้องศึกษาความพร้อมและการตอบรับของตลาดให้ดีก่อน บทเรียนที่เราได้จากการเป็นผู้จัดจำหน่ายรถอีวีรายแรกคือ “อย่ามาเป็นรายแรก”

แม้ว่าเทรนด์ของรถประเภทนี้ในตลาดโลกนั้นมีจริง ๆ และตอนที่เรานำมาโชว์ลูกค้าให้ความสนใจอย่างมาก แต่สุดท้าย มันไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิดไว้

ล่าสุดในต่างประเทศ มีการเปิดตัวรถอีวีแบบเอสยูวี อย่างเกีย นีโร ซึ่งขณะนี้เราเองก็ได้มีการหารือกับทางเมืองนอกถึงโอกาสและความเป็นไปได้ในการทำตลาดของรถรุ่นนี้เช่นกัน


Q : เกียแกรนด์คาร์นิวัล ยังเป็นรถธงปีนี้

เราได้ใช้งบประมาณเพื่อทำตลาดในปีนี้เพิ่มขึ้นถึงเท่าตัว หรือ 20 ล้านบาทสำหรับการสร้างแบรนด์รวมถึงการเปิดตัวรถครอบครัวอเนกประสงค์ระดับพรีเมี่ยม เกีย แกรนด์ คาร์นิวัล รุ่นปรับโฉมใหม่ เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าที่เป็นกลุ่มครอบครัวคนรุ่นใหม่ ภายใต้คอนเซ็ปต์” ไม่มีความสุขไหน…ที่ไปด้วยกันไม่ได้”และมีพรีเซ็นเตอร์เป็นครั้งแรกสำหรับเกีย ประเทศไทย ด้วยการดึงครอบครัวต้นแบบ “หมอโอ๊ค สมิทธิ์-โอปอล์ ปาณิสรา พร้อม 2 ฝาแฝด อลิน-อรัญ” มาเป็นตัวแทนในการสื่อสารไปยังกลุ่มลูกค้าบริษัทตั้งเป้ายอดขายสำหรับรถรุ่นนี้ไว้ที่ 1,200 คัน ภายในระยะเวลา 1 ปี นับจากที่เกีย แกรนด์ คาร์นิวัล โฉมปัจจุบัน นับเป็นเจเนอเรชั่นที่ 3 ที่เปิดตัวในประเทศไทย มาในครั้งนี้กับโฉมใหม่ที่ดูสปอร์ต และโดดเด่นมากขึ้นพร้อมทั้งยังได้เพิ่มอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายภายในรถมาตรฐานความปลอดภัยให้ครบครันรองรับไลฟ์สไตล์ที่แตกต่าง รวมถึงการใช้งานในหลากหลายรูปแบบของสมาชิกทุกคนในครอบครัว

ส่วนทั้งปี เราคาดว่าจะมียอดขายที่ 1,400 คัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ทำได้ 1,098 คัน โดย 4 เดือนแรกที่ผ่านมา มียอดขายไปแล้ว 500-600 คัน


Q : ให้ความสำคัญการสร้างแบรนด์มากน้อยแค่ไหน

ปีนี้จะเป็นปีที่เรากลับมาบุกตลาด “เกีย” อย่างเต็มสูบอีกครั้ง ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากเรามีสินค้าใหม่ ที่มาในจังหวะที่พอดี เราเริ่มต้นด้วยการสร้างภาพยนตร์โฆษณา เรามีพรีเซ็นเตอร์เพื่อช่วย กระตุ้นและสร้างการรับรู้เพิ่มมากขึ้นรวมไปถึงความพยายามทำราคาอะไรให้เข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น

นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนที่จะขยายโชว์รูมและศูนย์บริการรถยนต์เกีย จากปัจจุบันที่มีอยู่ 17 แห่งทั่วประเทศจากดีลเลอร์ทั้งหมด 13 ราย ตั้งเป้าเพิ่มโชว์รูมและศูนย์บริการให้เพิ่มขึ้นอีก 5-6 แห่งทั้งในพื้นที่กรุงเทพฯและต่างจังหวัด


Q : มองหาธุรกิจใหม่อะไรบ้าง

ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาความพร้อมและรายละเอียดต่าง ๆ เพื่อลงทุนร่วมกับบริษัทฮุนได มอเตอร์ ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติเกาหลี เพื่อผลิตรถยนต์นั่งโดยสารขนาด 19 ที่นั่งหรือไมโครบัส ซึ่งบริษัทจะได้รับสิทธิเป็นผู้แทนจำหน่ายและผลิตรถไมโครบัสฮุนได ในประเทศไทย เบื้องต้นคาดว่าน่าจะขึ้นไลน์ประกอบที่โรงงานยนตรกิจร่มเกล้า ซึ่งรองรับความต้องการใช้ภายในประเทศ รวมทั้งตลาดส่งออกโดยเฉพาะกลุ่มประเทศอาเซียน ส่วนมูลค่าการลงทุนนั้นเรายังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียด แต่เบื้องต้นคาดว่าจะมีการแนะนำรถไมโครบัสในงานบัสแอนด์ทรักช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้อย่างแน่นอนรวมไปถึงความพยายามที่จะสร้างตลาดให้กับรถยนต์เกีย 2005 อีกครั้ง หลังจากที่ก่อนหน้านี้บริษัทถือเป็นเจ้าตลาดของรถบรรทุกช่วงสั้นที่ได้รับความนิยมจากกลุ่มลูกค้าผู้ใช้งานเป็นอย่างมาก