เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน Toyota ประกาศปรับแก้ยอดผลกำไรในงบประมาณการณ์สำหรับปีงบประมาณที่จะสิ้นสุดลงในเดือนมีนาคม 2018 เป็น 0.3% จากปีก่อนหน้า หรือคิดเป็น 2 ล้านล้านเยน โดยในช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมานั้น ผลกำไรยังคงเป็นไปตามที่คาดการณ์มาต่อเนื่อง 2 ปี อย่างไรก็ตาม ด้วยค่าเงินเยนที่อ่อนตัวลง การเปลี่ยนแปลงของต้นทุน และการเพิ่มขึ้นของยอดขาย ทำให้มีการปรับแก้การประมาณการณ์ผลกำไร โดยคาดว่าจะสามารถขายได้มากขึ้นจากเดือนสิงหาคม 50,000 คัน หรือเท่ากับยอดขายรวม 8,950,000 คัน และจะเพิ่มประสิทธิภาพการขายในญี่ปุ่น อเมริกาเหนือ และยุโรป

รองประธาน Osamu Nakada กล่าวว่า “ในปีนี้ เราจะเสริมการแข่งขัน ทั้งการรุกตลาดเพิ่ม และรักษาตลาดเดิมเอาไว้” ซึ่งผลของการลดต้นทุน ทำให้ผลกำไรจาก 1.2 แสนล้านเยนเพิ่มขึ้นไปอีก 2 หมื่นล้านเยน ซึ่งรองประธานกล่าวเพิ่มเติมว่า “เป็นโอกาสอันดีที่จะคืนทุนในส่วนของการพัฒนาผลิตภัณฑ์” ในช่วงที่งบประมาณในการพัฒนายานยนต์ยุคถัดไปกำลังบานปลายเช่นนี้

เดิมทีแล้ว ปีงบประมาณนี้ คาดว่าอัตราการแลกเปลี่ยนจะอยู่ที่ 111 เยนต่อ 1 ดอลล่าร์, 128 เยนต่อ 1 ยูโร แต่ในเดือนสิงหาคม อัตราการแลกเปลี่ยนเงินยูโรถูกลงจากเดิม 4 เยน ด้านการลงทุนคาดว่าจะลดลงจากเดิม 4 หมื่นล้านเยน เหลือ 1.28 ล้านล้านเยน ส่วนงบในการวิจัยและพัฒนานั้นยังคงอยู่ที่ 1.6 ล้านล้านเยนเทียบเท่าในเดือนสิงหาคม

นอกจากนี้ ในวันเดียวกันยังมีรายงานยอดขายรวมในช่วงเดือนเมษายนถึงเดือนกันยายน 2017 ว่าสูงกว่าปีก่อน 8.6% หรือคิดเป็น 14.1912 ล้านล้านเยน และผลกำไรลดลงจากปีก่อน 1.8% หรือคิดเป็น 1.965 ล้านล้านเยน โดยผลกำไรจากอเมริกาเหนือลดลงมากที่สุด