“ปั๊มความร้อน” ถูกเปลี่ยนแทนที่ “หม้อต้มไอน้ำ” เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน

“ปั๊มความร้อน” ถูกเปลี่ยนแทนที่ “หม้อต้มไอน้ำ” เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน

อัปเดตล่าสุด 23 พ.ย. 2566
  • Share :
  • 29,321 Reads   

ก้าวกระโดดสู่ความยั่งยืน! โรงงาน Daikin Industries ในญี่ปุ่น เปลี่ยนหม้อไอน้ำเป็นนวัตกรรมปั๊มความร้อนเพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน

Advertisement

ญี่ปุ่น, 2 พฤศจิกายน 2023, ไดกิ้น อินดัสทรีส์ (Daikin Industries) ทยอยเปลี่ยนหม้อไอน้ำอุตสาหกรรมในโรงงานเป็นปั๊มความร้อน เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในระหว่างกระบวนการผลิต โดยเริ่มต้นที่โรงงาน Rinkai ในเมืองซาไก ได้ติดตั้งปั๊มความร้อนแบบหมุนเวียนที่พัฒนาขึ้นเองซึ่งผลิตน้ำร้อนสูงถึง 80°C ในกระบวนการพ่นสี 2 สายการผลิต ทดแทนการใช้หม้อไอน้ำ คาดว่าจะลดการปล่อยก๊าซ CO2 ต่อปีได้ 86% และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลง 82% ในอนาคตบริษัทจะพิจารณาขยายไปยังฐานการผลิตอื่น ๆ

ในการตั้งเป้าที่จะบรรลุความเป็นกลางของคาร์บอน (การปล่อยก๊าซเรือนกระจกเกือบจะเป็นศูนย์) ที่โรงงาน Rinkai ภายในปีงบประมาณ 2023 พวกเขาจะเปลี่ยนหม้อไอน้ำที่ใช้ก๊าซและน้ำมันด้วยปั๊มความร้อนที่ใช้พลังงานความร้อนในอากาศเพื่อลดการใช้ไฟฟ้า บริษัทวิเคราะห์การใช้หม้อไอน้ำซึ่งจ่ายไอน้ำที่อุณหภูมิสูงกว่า 100°C และมุ่งเน้นไปที่กระบวนการที่สามารถแทนที่ด้วยน้ำร้อนที่อุณหภูมิต่ำกว่า 80°C

ไดกิ้นได้พัฒนาปั๊มความร้อนแบบหมุนเวียนที่ครอบคลุมอุณหภูมิ 60-80 องศาเซลเซียส ซึ่งไม่มีในผลิตภัณฑ์ไดกิ้นรุ่นก่อน ๆ วงจรสารทำความเย็นสองขั้นตอนที่เพิ่มอุณหภูมิช่วยให้น้ำที่หมุนเวียนร้อนขึ้น อุปกรณ์เพียงอย่างเดียวสามารถลดการปล่อย CO2 ได้ประมาณ 20% และลดการสูญเสียความร้อนระหว่างการขนส่งผ่านท่อได้อย่างมาก

เดิมทีหม้อต้มไอน้ำมักใช้ในหลายกระบวนการ ในขณะที่ปั๊มความร้อนถูกติดตั้งไว้ใกล้กับแต่ละกระบวนการ ทำให้ระยะการขนส่งสั้น ลดการสูญเสียความร้อน และตั้งอุณหภูมิสำหรับแต่ละกระบวนการได้ง่าย นอกจากกระบวนการพ่นสีแล้ว คาดว่าจะมีประโยชน์หลายอย่าง เช่น การทำความสะอาดและกักเก็บความร้อน การลดลงโดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 62% ในการปล่อย CO2 และ 64% ในต้นทุนการดำเนินการ

 

#Sustainability #CleanEnergy #พลังงานสะอาด #Mreport #ข่าวอุตสาหกรรม

 

ที่มา: Nikkan Kogyo Shimbun

 

บทความยอดนิยม 10 อันดับ

 

อัปเดตข่าวทุกวันที่นี่ www.mreport.co.th   

Line / Facebook / Twitter / YouTube @MreportTH