IBM ทุ่ม 150,000 ล้านดอลลาร์ในสหรัฐฯ ดันผลิตคอมพิวเตอร์ควอนตัม

IBM เตรียมลงทุน 150,000 ล้านดอลลาร์ในสหรัฐฯ ผลักดันการผลิตคอมพิวเตอร์ควอนตัม

อัปเดตล่าสุด 29 เม.ย. 2568

IBM ประกาศลงทุนมหาศาลในสหรัฐฯ ชูขยายการผลิตคอมพิวเตอร์ควอนตัม-เมนเฟรม รับนโยบายส่งเสริมการผลิตในประเทศ

28 มีนาคม 2568 – IBM ประกาศแผนลงทุนมูลค่ากว่า 150,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วง 5 ปีข้างหน้า เพื่อเสริมสร้างศักยภาพการผลิตในประเทศ โดยจะเน้นขยายโรงงานผลิตคอมพิวเตอร์ควอนตัมและเมนเฟรมในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกระแสการผลักดันการผลิตภายในประเทศที่รัฐบาลทรัมป์สนับสนุน

แรงสะเทือนต่ออุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ไทยจากการขึ้นภาษีของสหรัฐฯ

Advertisement

การประกาศดังกล่าวมีขึ้นในวันจันทร์ที่ผ่านมา และนับเป็นความเคลื่อนไหวที่สอดคล้องกับยักษ์ใหญ่วงการเทคโนโลยีรายอื่นอย่าง Nvidia และ Apple ที่ก่อนหน้านี้ได้ประกาศแผนลงทุนกว่า 500,000 ล้านดอลลาร์ในสหรัฐฯ ภายใน 4 ปี

IBM ซึ่งเป็นผู้รับเหมาหลักของรัฐบาลสหรัฐฯ เปิดเผยว่า จากเม็ดเงินลงทุนรวมกว่า 150,000 ล้านดอลลาร์ จะมีมากกว่า 30,000 ล้านดอลลาร์ที่นำไปใช้ในการขยายการผลิตคอมพิวเตอร์ควอนตัมและเมนเฟรม ซึ่งเป็นระบบที่รองรับการจัดการข้อมูลขนาดใหญ่และการใช้งานที่มีความสำคัญสูง

ปัจจุบัน IBM มีเครือข่ายคอมพิวเตอร์ควอนตัมเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดยเทคโนโลยีนี้มีศักยภาพในการประมวลผลที่สูงกว่าคอมพิวเตอร์ทั่วไปหลายพันเท่า

อย่างไรก็ตาม บลูมเบิร์กรายงานว่า นักวิเคราะห์จาก D.A. Davidson อย่าง Gil Luria ระบุ ตัวเลขการลงทุนมหาศาลนี้น่าจะเป็นสัญลักษณ์เชิงนโยบายมากกว่าความจำเป็นเชิงธุรกิจ พร้อมชี้ว่าอุตสาหกรรมเทคโนโลยีกำลังใช้คำมั่นการลงทุนเป็นเกราะป้องกันสงครามการค้า

ขณะเดียวกัน กระแสความสนใจในเทคโนโลยีควอนตัมได้พุ่งสูงขึ้น หลังจาก Google ประกาศพัฒนาชิปควอนตัมรุ่นใหม่เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา แม้ว่าผู้บริหารในอุตสาหกรรมจะยังมีความเห็นต่างกันในเรื่องกรอบเวลาการใช้งานเชิงพาณิชย์ โดย Google ตั้งเป้าใช้จริงใน 5 ปี ขณะที่ Nvidia มองว่าอาจต้องใช้เวลาอีกถึง 20 ปี

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา IBM เปิดเผยว่า มีโครงการที่เกี่ยวข้องกับสัญญารัฐบาลถึง 15 โครงการถูกยกเลิกภายใต้นโยบายลดงบประมาณของรัฐบาลทรัมป์ ซึ่งส่งผลกระทบต่อแนวโน้มรายได้ในไตรมาสสอง แม้จะมีการคาดการณ์ที่เป็นบวกก่อนหน้านี้

ณ สิ้นปี 2567 IBM มีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดอยู่ที่ 14.8 พันล้านดอลลาร์ และมีการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรอยู่ที่ 1.13 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่ค่าใช้จ่ายรวมทั้งปีอยู่ที่ 29.75 พันล้านดอลลาร์