BMW Group ประเทศไทย เดินหน้าสู่นวัตกรรมยานยนต์แห่งอนาคต เริ่มการประกอบแบตเตอรี่แรงดันสูงในประเทศไทย

อัปเดตล่าสุด 29 พ.ย. 2561
  • Share :
  • 1,104 Reads   

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย สานต่อวิสัยทัศน์แห่งความยั่งยืนสู่อนาคตของการขับขี่ด้วยยนตรกรรมพลังงานไฟฟ้า ประกาศเริ่มต้นการประกอบแบตเตอรี่แรงดันสูงในประเทศไทย ทั้งในส่วนของการประกอบโมดูลแบตเตอรี่และการประกอบตัวแบตเตอรี่ โดยจะเริ่มต้นสายการประกอบในปี พ.ศ. 2562 ณ โรงงานในนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ชลบุรี 2 ทั้งนี้ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย ได้ปูรากฐานอันแข็งแกร่งเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการประกอบแบตเตอรี่แรงดันสูงในประเทศไทย ด้วยการจัดโปรแกรมอบรมและพัฒนาบุคลากรเพื่อการนี้โดยเฉพาะ นับตั้งแต่เดือนกันยายน พ.ศ. 2561 เป็นต้นมา ภายใต้ความร่วมมือกับแดร็คเซิลไมเออร์ กรุ๊ป ผู้นำด้านการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ระดับโลก ซึ่งเป็นพันธมิตรกับบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ปมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2509
 
มร. คริสเตียน วิดมานน์ ประธาน บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า “เราตื่นเต้นเป็นอย่างมากที่ได้เดินหน้าสู่อีกก้าวแห่งความสำเร็จครั้งใหญ่ในการเติมเต็มกลยุทธ์ยานยนต์ไฟฟ้าของเรา การเริ่มต้นประกอบแบตเตอรี่ในประเทศไทย จะเป็นส่วนสำคัญให้เราสามารถตอบโจทย์ความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดในตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้าของภูมิภาคอาเซียน นอกจากนี้ ยังถือเป็นการเสริมความแข็งแกร่งให้แก่โรงงานในจังหวัดระยอง ซึ่งเป็นศูนย์กลางการประกอบรถยนต์ในภูมิภาคนี้ โดยในปัจจุบันโรงงานของเรามีความสามารถในการประกอบรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดถึง 4 รุ่น และการผลิดแบตเตอรี่ในประเทศไทย จะช่วยส่งเสริมสายการประกอบยนตรกรรมของเราให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น”
 
นอกจากมอเตอร์ไฟฟ้าแล้ว แบตเตอรี่แรงดันสูงเป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบที่สำคัญของรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ไม่ว่าจะเป็นยานยนต์ประเภทไฮบริดหรือรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าโดยสมบูรณ์ ทั้งยังเป็นชิ้นส่วนที่มีความซับซ้อนและต้องใช้ทักษะเฉพาะด้านในการผลิต โดยบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย และแดร็คเซิลไมเออร์ กรุ๊ป ได้ร่วมกันวางรากฐานเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับงานประกอบชิ้นส่วนที่มีเทคโนโลยีล้ำสมัย ภายใต้ความร่วมมือครั้งสำคัญนี้เพื่อนำเอาทักษะความเชี่ยวชาญดังกล่าวมาถ่ายทอดสู่บุคลากรในประเทศไทย
 
มร. แกร์ฮาร์ด แอร์เนสแบร์เกอร์ ผู้อำนวยการโรงงาน แดร็คเซิลไมเออร์ กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า “เรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนร่วมในก้าวแรกของการประกอบแบตเตอรี่แรงดันสูงให้กับบีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย โดยขณะนี้ แดร็คเซิลไมเออร์ได้ดำเนินการให้ทีมงานจำนวน 2 ทีมจากทั้งประเทศเยอรมนีและประเทศไทยได้ทำงานร่วมกัน เพื่อขับเคลื่อนความร่วมมือนี้ไปสู่ความสำเร็จด้านการผลิตในขั้นต่อไป”
 
นับตั้งแต่เดือนกันยายน พ.ศ. 2561 บุคลากรจากแดร็คเซิลไมเออร์ กรุ๊ป ได้เข้าร่วมโปรแกรมอบรมและพัฒนาบุคลากรเพื่อการประกอบแบตเตอรี่แรงดันสูง ณ โรงงานบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ปในเมืองดิงกอลฟิง และโรงงานนำร่องการผลิตระบบการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า เพื่อถ่ายทอดทักษะความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีการผลิตที่ล้ำสมัย เช่น การเชื่อมด้วยเลเซอร์ การเตรียมพื้นผิววัสดุด้วยพลาสมา วิทยาการหุ่นยนต์ กระบวนการยึดติด การตรวจสอบคุณภาพชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์อัตโนมัติ (AOI) การตรวจสอบการทำงานของระบบไฟฟ้า และการตรวจสอบคุณภาพเมื่อสิ้นสุดสายการผลิต นอกจากนี้ โปรแกรมการอบรมดังกล่าวยังครอบคลุมทักษะในการทำงานกับกระบวนการผลิตอัตโนมัติ ซึ่งเป็นกระบวนการที่สำคัญในการประกอบโมดูลแบตเตอรี่ รวมถึงการตรวจสอบคุณภาพโดยรวม การออกแบบกระบวนการและเทคโนโลยีการผลิต การปรับปรุงแก้ไขคุณภาพ และการวิเคราะห์กระบวนการผลิต
 
เมื่อเสร็จสิ้นการเรียนรู้และเสริมสร้างความเชี่ยวชาญด้านการประกอบแบตเตอรี่แล้ว บุคลากรที่ผ่านการอบรมข้างต้นจะได้มีโอกาสทำงานกับชิ้นส่วนอย่างเซลล์แบตเตอรี่ที่นำเข้าจากผู้ผลิตในภูมิภาคเอเชีย พร้อมด้วยชิ้นส่วนแบตเตอรี่นำเข้าอีกมากมาย ทั้ง โครงอะลูมิเนียม ระบบวงจรอิเล็กทรอนิกส์และสายไฟ เพื่อประกอบแบตเตอรี่แรงดันสูงที่ได้มาตรฐานระดับโลกของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป และเป็นไปตามข้อกำหนดด้านการใช้ชิ้นส่วนจากผู้ผลิตในประเทศของประเทศไทย เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการประกอบแล้ว แบตเตอรี่แรงดันสูงดังกล่าวจะถูกส่งไปยังโรงงานบีเอ็มดับเบิลยูที่ระยอง เพื่อนำไปติดตั้งในรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดในตระกูล บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 5 บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 7 และบีเอ็มดับเบิลยู X5 โดยจะเริ่มต้นเฟสแรกตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นไป
 
“เพื่อให้แน่ใจว่ากระบวนการประกอบในประเทศไทยสอดคล้องกับมาตรฐานคุณภาพระดับโลกของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ผู้เชี่ยวชาญจากบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป มิวนิค จะเดินทางมาร่วมวางรากฐานกระบวนการประกอบที่โรงงานแห่งใหม่ของแดร็คเซิลไมเออร์ กรุ๊ปในช่วงแรกของการประกอบ โดยเราวางแผนที่จะลงทุนกว่า 400 ล้านบาทกับความร่วมมือในครั้งนี้ เพื่อสร้างหลักชัยแห่งนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย และในภูมิภาคนี้ ทั้งนี้ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ได้รับอนุมัติการส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) สำหรับการลงทุนประกอบรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดมูลค่ากว่า 700 ล้านบาท” มร. คริสเตียน กล่าวเสริม