Honda เผชิญแรงกดดันใหม่จากผู้ผลิต EV จีน แม้ภาษีสหรัฐจะผ่อนลง

ฮอนด้าเผชิญภัยคุกคามใหญ่จากผู้ผลิต EV จีน มากกว่าภาษีสหรัฐและวิกฤตชิปขาดแคลน

อัปเดตล่าสุด 19 พ.ย. 2568
  • Share :

แม้ภาษีสหรัฐและปัญหาชิปจะกดดันผลประกอบการ แต่การแข่งขันรุนแรงจาก BYD และค่ายรถจีนทั่วเอเชียคือความเสี่ยงระยะยาวที่ฮอนด้าต้องเร่งรับมือ

ฮอนด้า (Honda) ถูกบีบให้ปรับลดประมาณการกำไรปีงบประมาณลงถึง 20% หลังปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยให้เหตุผลว่ามาจากต้นทุนพิเศษด้านรถยนต์ไฟฟ้า (EV) และการขาดแคลนชิ้นส่วนที่ใช้ชิปจาก Nexperia ผู้ผลิตในเนเธอร์แลนด์ที่ถูกรัฐบาลดัตช์เข้าควบคุมกิจการเมื่อวันที่ 30 กันยายนที่ผ่านมา

บริษัทยังคาดว่าจะได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีสหรัฐสูงถึง 385,000 ล้านเยน แม้จะต่ำกว่าประมาณการก่อนหน้าที่ 450,000 ล้านเยน ส่งผลให้หุ้นฮอนด้าร่วงลงถึง 4.7% ในวันจันทร์อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์มองว่าความเสี่ยงระยะยาวที่รุนแรงกว่า คือการแข่งขันที่ทวีความดุเดือดจากผู้ผลิต EV จีนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะ BYD

Advertisement

ฮอนด้าสูญเสียความได้เปรียบในภูมิภาคที่เคยครองตลาด

(10 พ.ย.68) รอยเตอร์เผยว่า ฮอนด้าได้รับผลกระทบจากการแข่งขันด้านราคาอย่างหนักในภูมิภาคนี้ นายโนริยะ ไคฮาระ (Noriya Kaihara) รองประธานบริหาร ยอมรับว่า

“ในตลาดอย่างประเทศไทย การแข่งขันรุนแรงมาก และเราสูญเสียความได้เปรียบด้านราคา”

แรงกดดันนี้ทำให้ผู้ผลิตญี่ปุ่นต้องเพิ่มโปรโมชั่นและลดราคาขาย ส่งผลให้กำไรต่อคันลดลงอย่างต่อเนื่อง

ยอดขายฮอนด้าในเอเชียรวมจีนถูกปรับลดเป้าหมายลงกว่า 10% เหลือ 925,000 คัน โดยยอดขายลดลงในหลายประเทศ

  • อินโดนีเซีย: ลดลงเกือบ 30%
  • มาเลเซีย: ลดลง 18%
  • ไทย: ลดลง 12%

ฮอนด้าไม่มีแผนเปิดตัวรุ่นใหม่ในภูมิภาคนี้จนถึงปีงบประมาณหน้า ยกเว้นการปรับโฉม Honda City ซึ่งอาจทำให้เสียพื้นที่ตลาดต่อคู่แข่งจีนมากยิ่งขึ้น

ขณะเดียวกัน คู่แข่งจากจีนเดินหน้ารุกตลาดอย่างรวดเร็ว อาศัยความได้เปรียบด้านราคา เทคโนโลยี และการแข่งขันที่รุนแรงในจีนจนต้องขยายตลาดสู่ต่างประเทศ

ฮอนด้าและผู้ผลิตญี่ปุ่นรายอื่นหันไปขยายฐานการผลิตในอินเดีย ซึ่งยังแทบไม่มีผู้ผลิต EV จากจีนเข้าไปแข่งขัน

ฮอนด้ายืนยันว่าจะใช้ตลาดอินเดียเป็นฐานผลิตและส่งออกรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ของบริษัท

ขณะที่ Toyota และ Suzuki ได้ประกาศลงทุนรวมกว่า 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อเพิ่มกำลังผลิตในอินเดียเช่นกัน

ปัญหาเชิงโครงสร้างของฮอนด้า: รถจักรยานยนต์กำไรสูง แต่รถยนต์ยังขาดทุน

นักวิเคราะห์ชี้ว่าโครงสร้างธุรกิจของฮอนด้ากำลัง “ไม่สมดุล” โดยผลประกอบการไตรมาสล่าสุดแสดงให้เห็นว่า

  • ธุรกิจรถยนต์ ขาดทุนต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 3
  • ขณะที่ธุรกิจมอเตอร์ไซค์ทำกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์

ฮอนด้ายังลดคาดการณ์ยอดขายรถยนต์ทั่วโลกลงเหลือ 3.34 ล้านคัน จากเดิม 3.62 ล้านคัน โดย 110,000 คันมาจากผลกระทบการขาดแคลนชิปจาก Nexperia

ตลาดอเมริกาเหนือยังท้าทาย แม้ยอดขายเติบโต

แม้สหรัฐยังเป็นตลาดใหญ่สุดของฮอนด้า (42% ของยอดขายทั้งหมด และโตขึ้น 4% YoY) แต่ปัญหาชิปทำให้โรงงานในเม็กซิโกต้องหยุดผลิต รวมถึงมีการปรับกำลังผลิตในสหรัฐและแคนาดา คาดว่าจะกระทบกำไรอีก 150,000 ล้านเยน

 

บทความยอดนิยม 10 อันดับ

 

อัปเดตข่าวทุกวันที่นี่ www.mreport.co.th   

Line / Facebook / X / YouTube @MreportTH