เมื่อวันที่ 25 มีนาคมตามเวลาท้องถิ่น Apple ได้ประกาศเปิดบริการสตรีมมิงภาพยนต์ ซึ่งหลายฝ่ายคาดการณ์ว่าเป็นผลจากยอดขาย iPhone ที่ลดลง ที่ทำให้ทางบริษัทจำเป็นต้องมองหาช่องทางทำรายได้เพิ่มเติมในตลาดอื่น ๆ อย่างไรก็ตาม ในตลาดสตรีมมิงนี้เอง ที่มีผู้เล่นรายใหญ่พร้อมฐานลูกค้าของตนอยู่แล้วเป็นจำนวนมาก และต่างแข่งขันกันแย่งส่วนแบ่งในตลาดอย่างรุนแรง จึงเป็นที่น่าติดตามว่า Apple จะสามารถเข้าสู่ตลาดนี้ได้จริงหรือไม่

เมื่อวันที่ 25 มีนาคม Apple ได้เชิญผู้มีหน้ามีตาในวงการบันเทิงมาเป็นแขกบนเวทีงานเปิดตัวบริการสตรีมมิ่ง “Apple TV+” ของบริษัท โดยได้วางแผนเปิดให้บริการ Apple TV+ ในกว่า 100 ประเทศภายในสิ้นปีนี้ เพื่อให้บริการด้านร้ายการโทรทัศน์ ภาพยนต์ และสารคดี

Mr. Tim Cook CEO Apple กล่าวบนเวทีว่า กุญแจสำคัญในการเข้าสู่ตลาดนี้ คือ Original Content ซึ่งจะช่วยสร้างความสนใจในแพล็ตฟอร์มของบริษัทได้มากยิ่งขึ้น พร้อมแสดงความมันใจเป็นอย่างยิ่งว่าจะสามารถแย่งชิงส่วนแบ่งในตลาดมาจากผู้เล่นรายใหญ่ในตลาดเดิมได้ ซึ่ง Apple ได้ลงทุนกว่าพันล้านดอลลาร์สหรัฐ และคาดว่าจะมีการลงทุนเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต

Mr. Tim Cook ได้กล่าวต่อว่า Apple จะเปลี่ยนโฉมเป็นบริษัทด้านการบริการ เพื่อนำบริษัทที่กำลังประสบปัญหาผลกำไรถดถอยให้ออกจากวิกฤต โดยเฉพาะในช่วงต้นปี 2019 ที่รายได้ของบริษัทลดลงเป็นอย่างมาก

โดยในไตรมาสสุดท้ายปี 2018 Apple ได้ประสบปัญหาผลกำไรถดถอยเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี ซึ่งเป็นผลจากการชะลอตัวของตลาดสมาร์ทโฟน ความต้องการของผู้บริโภค ที่เปลี่ยนมาต้องการสมาร์ทโฟนที่มีอายุการใช้งานยาวนาน แทนที่การเปลี่ยนเครื่องบ่อย ๆ 

ส่วนสาเหตุที่ Apple เลือกธุรกิจบริการนี้ เป็นผลจากผลกระกอบการเกือบ 4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2018 ซึ่งมีการเติบโตจากปี 2017 ถึง 30% ส่งผลให้ทางบริษัทตั้งเป้าผลประกอบการไว้ที่ 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2020 ซึ่งมากเป็น 2 เท่าของปี 2016 และนอกจากบริการสตรีมมิ่งแล้ว Apple ยังได้ประกาศเปิดตัวบริการด้านข่าวสาร และเกมภายในงานวันเดียวกันอีกด้วย