ทรัมป์จุดชนวนศึกภาษี ยานยนต์–เหล็ก–อะลูมิเนียมระอุ

ทรัมป์จุดชนวนศึกภาษี ยานยนต์–เหล็ก–อะลูมิเนียมระอุ

อัปเดตล่าสุด 9 เม.ย. 2568
  • Share :
  • 419 Reads   

มาตรการขึ้นภาษีนำเข้าจากเม็กซิโก แคนาดา และจีนของรัฐบาลทรัมป์มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 4 มีนาคม (ตามเวลาสหรัฐฯ) โดยกำหนดอัตราภาษีนำเข้า 25% สำหรับสินค้าจากเม็กซิโกและแคนาดา ซึ่งคาดว่าจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อยอดขายรถยนต์ในสหรัฐฯ

โตเกียว – 6 มีนาคม 2568 อุตสาหกรรมยานยนต์ของญี่ปุ่น ซึ่งมีเครือข่ายซัพพลายเชนครอบคลุมในทวีปอเมริกาเหนือ กำลังเตรียมรับมือกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น นโยบายกีดกันทางการค้าของรัฐบาลทรัมป์มีแนวโน้มจะขยายไปยังสินค้าอื่น ๆ เพิ่มเติม เช่น เหล็ก อะลูมิเนียม และยานยนต์ในอนาคต ทำให้ผู้ประกอบการญี่ปุ่นต้องจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

Advertisement

ผู้ผลิตรถยนต์พิจารณาจัดสรรโมเดลใหม่เพื่อลดผลกระทบ

"แน่นอนว่าจะได้รับผลกระทบบ้าง แต่เราเองก็ไม่สามารถทำอะไรได้มากนัก" นายยาสึอากิ ไคซึมิ ประธานบริษัท Stanley Electric กล่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

ทั้งญี่ปุ่นและประเทศอื่น ๆ ได้สร้างห่วงโซ่อุปทานยานยนต์ระหว่างสหรัฐฯ เม็กซิโก และแคนาดาภายใต้ข้อตกลง USMCA ซึ่งยกเว้นภาษีภายใต้เงื่อนไขบางประการ โดยผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ในประเทศที่มีต้นทุนแรงงานต่ำ และจัดส่งรถยนต์คุณภาพสูงออกสู่ตลาด ซึ่งช่วยผลักดันความต้องการในอเมริกาเหนืออย่างต่อเนื่อง

นายฮิโรชิ ยาสุดะ รองประธานบริษัท Toyoda Gosei ซึ่งผลิตชิ้นส่วนถุงลมนิรภัยในเม็กซิโก กล่าวเพิ่มเติมว่า “ยอดขายและกำไรส่วนใหญ่ของเรามาจากอเมริกา จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ว่าจะได้รับผลกระทบครั้งใหญ่” สะท้อนความกังวลของภาคอุตสาหกรรม

แหล่งข่าวจากผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่รายหนึ่งกล่าวว่า “ไม่มีข้อสงสัยว่าภาษี 25% จะกระทบอย่างรุนแรง เรากำลังพิจารณาทางเลือกต่าง ๆ แต่แม้ว่าภาษีจะเพิ่มขึ้น ก็ไม่ใช่ว่าเราจะขึ้นราคาขายโดยตรง เราจะลดต้นทุนภายในให้มากที่สุดก่อนเพื่อไม่ให้กระทบกับราคาที่ลูกค้าคาดหวัง” อย่างไรก็ตาม การผลักภาระบางส่วนไปยังผู้บริโภคอาจเลี่ยงไม่พ้น ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้ซื้อ

ขณะนี้บริษัทต่าง ๆ จำเป็นต้องเร่งหาวิธีรับมือเพื่อลดผลกระทบจากภาษี นายชินจิ อาโอยามะ รองประธานบริหารของ Honda กล่าวในการแถลงข่าวเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ว่า “ในระยะกลาง เราจะพิจารณาปรับเปลี่ยนการจัดสรรโมเดลและประเภทของรถยนต์” ขณะที่นายชูอิจิ อิชิบาชิ CEO ของ Bridgestone กล่าวเพิ่มเติมว่า “เราจะพิจารณาหลายกรณี สร้างหลายสถานการณ์ และวางระบบที่สามารถตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว โดยพื้นฐานแล้ว เราจะยังคงมุ่งเน้นการผลิตในสหรัฐฯ”

ผู้ผลิตชิ้นส่วนรับแรงกดดัน การย้ายฐานผลิตไม่ง่ายอย่างที่คิด

หากผู้ผลิตรถยนต์ย้ายฐานการผลิต ผู้ผลิตชิ้นส่วนย่อมต้องปรับตัวตามไปด้วย นายสึโตมุ โคบายาชิ กรรมการผู้จัดการบริษัท Fine Sinter กล่าวว่า “เราจะจับตาความเคลื่อนไหวของลูกค้าอย่างใกล้ชิด คาดการณ์การเปลี่ยนแปลงของฐานการผลิต และสร้างระบบการผลิตและส่งมอบที่ยืดหยุ่น”

ผู้บริหารระดับสูงของผู้ผลิตชิ้นส่วนขนาดกลางรายหนึ่งเผยว่า “ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เราได้ย้ายฐานการผลิตจากอเมริกาเหนือไปเม็กซิโก และวางแผนจะขยายเพิ่ม หากผลกระทบจากภาษีมากขึ้น ก็อาจจำเป็นต้องย้ายกลับ” อีกรายหนึ่งกล่าวว่า “เราเลือกไปเม็กซิโกเพราะข้อตกลง USMCA หากมีการขึ้นภาษีจริง จะส่งผลอย่างมาก ตอนนี้เราเริ่มหารือกับผู้ผลิตรถยนต์แล้ว”

อย่างไรก็ตาม การย้ายฐานการผลิตไปสหรัฐฯ เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะกับผู้ผลิตชิ้นส่วนที่ไม่สามารถตัดสินใจเองได้หากไม่มีความเห็นชอบจากผู้ผลิตรถยนต์ “ถึงแม้เราจะอยากย้ายการผลิตเพราะภาษี แต่ลูกค้าต้องเป็นผู้ตัดสินใจ จุดแข็งของเราคือมีทางเลือกหลากหลาย และต้องตัดสินใจร่วมกันกับลูกค้า” นายมาซาโอะ สึรุ ประธานบริษัท NOK กล่าว

นอกจากนี้ ต้นทุนแรงงานและการผลิตในสหรัฐฯ ก็ยังสูงขึ้น ทำให้บางฝ่ายเชื่อว่าการรักษาห่วงโซ่อุปทานปัจจุบันยังคงได้เปรียบมากกว่า แม้จะต้องแบกรับภาษี 25% ก็ตาม นายคาซุมิ ยาโนะ ประธานบริษัท TPR ซึ่งเพิ่งเปิดฐานการผลิตในเม็กซิโกเมื่อปลายปี 2024 กล่าวว่า “ตอนนี้เรายังไม่มีแผนเปลี่ยนแปลงธุรกิจในเม็กซิโก หากสามารถผลิตในสหรัฐฯ ได้และดำเนินธุรกิจได้อย่างยั่งยืน เราก็พร้อมลงทุน แต่การย้ายฐานทันทีตอนนี้ยังไม่สมเหตุสมผล”

นายทาคา​ชิ คายาโมโตะ ประธานสมาคมผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ญี่ปุ่น (NHK Spring) กล่าวเสริมว่า “ข้อตกลง USMCA ได้สร้างห่วงโซ่อุปทานที่แน่นแฟ้น หากต้องย้ายการผลิตไปสหรัฐฯ การผลิตภายในประเทศก็จะลดลง ส่งผลให้ห่วงโซ่อุปทานทั้งระบบอ่อนแอลง และลดขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมยานยนต์โดยรวม”

มาตรการรับมือในภาวะที่ไม่แน่นอน

การขึ้นภาษีกับแคนาดาและเม็กซิโกถือเป็นข่าวร้ายอย่างแน่นอน ทางออกที่อาจเป็นไปได้คือการผลักภาระภาษีไปยังราคาขาย หรือการเปลี่ยนเส้นทางส่งออกไปยังตลาดอื่น

ผู้ผลิตรถยนต์อาจเลือกส่งออกรถที่ผลิตในเม็กซิโกไปยังตลาดอื่นนอกสหรัฐฯ หรือส่งออกรถที่ผลิตในญี่ปุ่นมายังสหรัฐฯ แทน อย่างไรก็ตาม รถยนต์ต้องถูกผลิตตามกฎระเบียบของประเทศปลายทาง ซึ่งรวมถึงชิ้นส่วนและตัวถังรถตลอดห่วงโซ่อุปทาน ทำให้ต้องใช้เวลาและต้นทุนเพิ่มเติม

แม้ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าภาษีจะคงอยู่ยาวนานแค่ไหน แต่ด้วยข้อจำกัดในการผลักภาระต้นทุนทั้งหมดไปยังผู้บริโภค ย่อมส่งผลกระทบด้านลบต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ในระดับสูงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

 

#ทรัมป์ #ภาษีทรัมป์ #TRUMP #TrumpTariff #MReportTH #IndustryNews

 

บทความยอดนิยม 10 อันดับ

 

อัปเดตข่าวทุกวันที่นี่ www.mreport.co.th   

Line / Facebook / X / YouTube @MreportTH