ความคืบหน้าของเทคโนโลยีเซ็นเซอร์ และเทคโนโลยี Imaging คือสิ่งที่จะขับเคลื่อนให้เทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และเมื่อเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติมีประสิทธิภาพมากขึ้นแล้ว อุตสาหกรรมโลจิสติกส์ก็จะเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่ได้ประโยชน์จากสิ่งนี้ด้วย

ที่แล้วมา เทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติ ถูกใช้ในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์อย่างมากเพียงภายในคลังสินค้า หรือภายในลานกองเก็บตู้สินค้า แต่ด้วยความน่าเชื่อถือของเทคโนโลยีที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนี้เอง ที่จะนำอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ไปสู่ยุคที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นกว่าปัจจุบัน

ในอนาคต ระบบขับขี่อัตโนมัติ จะถูกใช้ในรถยก สายพานลำเลียง และแท่นวางสินค้า ซึ่งเมื่อใช้งานร่วมกับระบบนำทาง หรือเทคโนโลยีแม่เหล็กไฟฟ้าแล้ว จะทำให้คลังสินค้าเดิม ๆ สามารถพัฒนาเป็นคลังสินค้าอัตโนมัติได้โดยไม่ต้องปรับเปลี่ยนโครงสร้างเดิม

ส่วนการทำงานนอกคลังสินค้านั้น ระบบขับขี่อัตโนมัติจะถูกใช้ในรถเข็น และรถบรรทุก เพื่อให้การบรรจุ และลำเลียงสินค้าเป็นไปได้อย่างราบรื่น รวมไปถึงการบริหารจัดการคาร์โก้ของท่าเรือ และสนามบินด้วย

ในด้านของการขนส่งเอง ระบบขับขี่อัตโนมัติ จะมีบทบาทสำคัญในการลดภาระของพนักงานขับ ช่วยแทนที่ในยามกลางคืน หรือช่วงที่สภาพอากาศเลวร้าย อย่างไรก็ตาม ภาคอุตสาหกรรมโลจิสติกส์มีความเห็นว่า รถบรรทุกไร้คนขับ ซึ่งเป็นที่คาดหวังในอุตสาหกรรมนี้เป็นอย่างยิ่ง มีแนวโน้มว่าจะไม่เกิดขึ้นจริงในเร็ววัน หรือทำได้เพียงในบางพื้นที่เท่านั้น ส่งผลให้อุตสาหกรรมโลจิสติกส์จำเป็นต้องพึ่งพาพนักงานขับอยู่ นอกจากนี้ ยังมีประเด็นในด้านกฎหมายที่จะเข้ามารองรับระบบขับขี่อัตโนมัติอีกด้วย

แม้ว่าความคืบหน้าของบริษัทต่าง ๆ เช่น Google ทำให้มีแนวโน้มว่ากฎหมายที่จะออกมารองรับในส่วนนี้ อาจเกิดขึ้นจริงได้ง่ายกว่าที่คาด อย่างไรก็ตาม ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า ระบบขับขี่อัตโนมัติ จะเริ่มเข้าสู่อุตสาหกรรมโลจิสติกส์ ภายในส่วนของคลังสินค้า หรือการทำงานภายในพื้นที่ของบริษัทก่อนหน้านั้นอย่างแน่นอน