ตลาดรถยนต์โค้งสุดท้ายร้อนฉ่า ทุกแบรนด์ปูพรมเข็นรถใหม่กว่า 20 รุ่นปลุกยอดขาย สู้ศึกตลาดฝืด “ฮอนด้า” เดือดส่ง แจ๊ซ-ซิตี้ 1,000 ซีซีเทอร์โบ เสียบอีโคคาร์เฟส 2 แก้เกม “บริโอ้-อเมซ” หลุดเป้า โตโยต้าเข็น “ยาริส” ตามประกบ ฟาก”นิสสัน” ขอแจมเครื่องยนต์เล็กกระทุ้งตลาดอีกรอบ สรรพสามิตแย้มปล่อยไอเสียน้อยได้ภาษีต่ำกดราคาลงหลายหมื่นบาท ผู้จัดมอเตอร์เอ็กซ์โป มั่นใจอีเวนต์ปลายปีดันเงินสะพัด 6 หมื่นล้าน

ผลพวงจากปัจจับลบทางเศรษฐกิจ ทั้งสงครามการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน ค่าเงินบาทที่แข็งตัวนานกว่าปกติ อัตราการปฏิเสธสินเชื่อรถยนต์ที่เติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัด รวมถึงความไม่มั่นคงทางการเมือง ส่งผลกระทบกับอุตสาหกรรมรถยนต์ทั้งระบบอย่างมีนัยสำคัญ

ขายรถทรุดต่อเนื่อง

รายงานข่าวจากกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ หอการค้าญี่ปุ่น (เจซีซี) เปิดเผยยอดขายรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่น 9 เดือน (ม.ค.-ก.ย.) ที่ผ่านมา มีทั้งสิ้นแค่ 761,152 คัน หดตัวลงกว่าปีที่ผ่านมาราว 10% แต่ละไตรมาสมียอดเฉลี่ยการขายเพียง 2 แสนกว่าคัน ทำให้ประเมินกันว่ายอดขายรวมทั้งปี 2562 อาจไม่ถึง 1 ล้านคันตามคาดการณ์

ในขณะที่ตลาดส่งออก 8 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค-ส.ค.) กระทบหนัก ส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปทำได้ 723,561 คัน ลดลง 4.12% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน มีมูลค่าการส่งออก 371,229.70 ล้านบาทลดลง 6.37% แบ่งเป็น เครื่องยนต์ 21,779.19 ล้านบาท ลดลง 15.12%, ชิ้นส่วนรถยนต์อื่น ๆ 127,007.14 ล้านบาท ลดลง 13.05%, อะไหล่รถยนต์ 16,357.25 ล้านบาท ลดลง 13.44% มูลค่ารวมทั้งหมด 8 เดือน ทำได้ 536,373.28 ล้านบาท หดตัว 8.64%

ขยับส่งโปรดักต์ใหม่เร็วขึ้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางออกของค่ายรถยนต์ตอนนี้ คือ เร่งปั๊มยอดขายไตรมาสสุดท้ายเพื่อบูตตัวเลขให้ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา และกลยุทธ์ที่ใช้เพียงแค่แคมเปญกระตุ้นหรือโปรแรง ๆ เท่านั้นไม่พอแน่ จำเป็นต้องมีโปรดักต์ใหม่มาเป็นแรงขับเคลื่อน ทำให้กระแสการคลอดรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ ในช่วงควอร์เตอร์สุดท้ายของปีนี้ทยอยออกเป็นระยะ ทั้ง ๆ ที่บางค่ายมีแผนจะแนะนำรถรุ่นใหม่อย่างเป็นทางการในต้นปีหน้า ก็ขยับมาทำตลาดในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้เลย

สำหรับรถยนต์รุ่นใหม่ที่จะทยอยลงตลาดประมาณ 20 รุ่น มีตั้งแต่พรีเมี่ยมเซ็กเมนต์ เอสยูวี คอมแพ็กต์เอสยูวี รถยนต์นั่งขนาดกลาง รถเก๋งเล็ก กลุ่มรถปิกอัพ และที่ห้ามกะพริบตาคือ กลุ่มอีโคคาร์ เพราะแต่ละค่ายพร้อมเปิดศึกถล่มกันอย่างถึงพริกถึงขิง

“รถใหม่ไตรมาสสุดท้ายปีนี้ต้องบอกว่าเยอะจริง ๆ ไล่เรียงตั้งแต่ เบนซ์ เอเอ็มจี จีที ซี โรดเตอร์ และเอเอ็มจี จีที 63 เอส 4MATIC+ 4-Door Coupe, บีเอ็มดับเบิลยู มีกลุ่มลิมิเต็ดเวอร์ชั่นและตระกูลเอ็ม อาทิ เอ็กซ์3 และเอ็กซ์4 เข้ามาเสริมทัพ, ออดี้ มีเอ4 ตัวใหม่, จากัวร์ แลนด์โรเวอร์ มีรุ่นพิเศษ, เปอโยต์ มีคอมแพ็กต์เอสยูวี 2008 มาเพิ่มอีกรุ่น ส่วนเซ็กเมนต์เอสยูวี มาสด้ามี CX-5 เครื่องยนต์ 2.5 เทอร์โบ และ CX-8 เอสยูวีไซซ์ใหญ่ ซึ่งตั้งใจมาถล่มกลุ่มรถพีพีวี นอกจากนี้ยังมี อีซูซุ ดีแมคซ์ ใหม่, เอ็มจี เอ็กซ์เทนเดอร์, เอ็มจี เอชเอส, เชฟโรเลต แคปติวา และยังมีอีกหลายค่ายที่พยายามอุบไต๋เอาไว้ช่วงอีเวนต์ใหญ่มอเตอร์เอ็กซ์โป ซึ่งถือเป็นเวทีระบายของเรียกยอดขายช่วงโค้งสุดท้ายของปี”

อีโคคาร์เฟส 2 พร้อมรบทุกค่าย

แหล่งข่าวจากตัวแทนจำหน่ายรถยนต์นิสสันกล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ปลายปีนี้ถือเป็นศึกใหญ่อีโคคาร์ เพราะทุกแบรนด์เข้าคิวพร้อมคลอดเฟส 2 ลงตลาด และเที่ยวนี้มีเซอร์ไพรส์เพราะท็อปทรี 3 แบรนด์ดัง นิสสัน, โตโยต้า, ฮอนด้า ชูเครื่องยนต์ขนาด 1,000 ซีซี แล้วใช้เทอร์โบเข้าไปเสริมเพื่อให้ได้แรงม้าใกล้เคียงกับเครื่องยนต์เก่า ส่วนมาสด้า 2, มิตซูซูบิชิ มิราจ และแอททราจแม้จะล่วงหน้าเป็นเฟส 2 ไปก่อนแล้ว ก็พยายามแต่งหน้าทาปากปรับปรุงเพิ่มเติมให้เข้มข้นขึ้น

“จริง ๆ นิสสัน โน๊ต ของเราเข้าอีโคคาร์เฟส 2 ได้สบาย ๆ เพียงแต่ตามกติกายังต้องใช้สิทธิ์เฟส 1 ก่อน ตามเงื่อนไขทั้งจำนวนการผลิต จำนวนรุ่น”

แต่อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 14 พฤศจิกายน 2562 นี้ นิสสันกำหนดคลอดอัลเมร่าใหม่ เป็นอีโคคาร์เฟส 2 ชูความเข้มงวดการปล่อยไอเสียซึ่งตํ่ากว่า 100 กรัม/กม. มีอัตราบริโภคนํ้ามันเกิน 23 กม./ลิตร สามารถใช้น้ำมัน E85 ผ่านมาตรฐานยูโรสเต็ปที่ 5 มาพร้อมระบบความปลอดภัยทั้งเบรก ABS, ระบบกระจายแรงเบรก และระบบช่วยเบรกกรณีผู้หญิงใช้งาน แต่มีน้ำหนักเบรกน้อยกว่าคนทั่วไป มีระบบควบคุมการทรงตัวเป็นมาตรฐานทุกรุ่น และกำหนดจำนวนผลิต 100,000 คัน ภายในปีที่ 4 ใช้เครื่องยนต์ขนาด 1,000 ซีซีเทอร์โบ ราคาจำหน่ายน่าจะใกล้เคียงกับรุ่นก่อน จากสิทธิประโยชน์ด้านภาษีที่ต่ำลงจากการปล่อยมลพิษ และพร้อมเปิดรับจองอย่างเป็นทางการในงานมอเตอร์เอ็กซ์โปต้นเดือนธันวาคมนี้

เข็น “แจ๊ซ-ซิตี้” เสียบอีโคคาร์

ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานว่า ฮอนด้าถือเป็นอีกค่ายที่ต้องจับตาหลังจากทำอีโคคาร์เฟสแรกไม่เปรี้ยงปร้าง ทั้งฮอนด้าบริโอ้ และบริโอ้ อเมซ ผู้บริหารฮอนด้าเตรียมแก้เกมครั้งใหญ่ในอีโคคาร์เฟส 2 ตัดสินใจเลือกทำรถให้ใหญ่ขึ้น โดยนำแพลตฟอร์มใหม่ของแจ๊ซและซิตี้มาถล่มเซ็กเมนต์อีโคคาร์ ใช้เครื่องยนต์เล็กลงเป็น 3 สูบ ขนาด 1,000 ซีซีวีเท็กซ์ ติดตั้งเทอร์โบ ซึ่งแนวทางการทำตลาดลักษณะนี้ ค่ายมาสด้าและโตโยต้าเคยทำมาแล้วกับมาสด้า2 และโตโยต้ายาริสซึ่งได้การตอบรับอย่างล้นหลามด้วยระดับราคาที่สามารถแข่งขันในตลาดได้ดีกว่า

“โตโยต้า-มาสด้า” พร้อมชน

เช่นเดียวกับค่ายโตโยต้าที่เตรียมส่งโตโยต้า ยาริส ใหม่เฟส2 ออกสู่ตลาด ซึ่งพัฒนาช่วงล่างและตัวถังภายใต้เทคโนโลยีทีเอ็นจีเอ โดยจะแนะนำยาริสก่อน และตามมาด้วยซีดาน เอทีฟ เครื่องยนต์ 1,000 ซีซีเทอร์โบ แบบเดียวกัน ขณะที่ค่ายมาสด้าแม้จะประสบความสำเร็จกับมาสด้า2 ด้วยยอดขายถล่มทลาย แต่ก็ยังส่งมาสด้า2 ไมเนอร์เชนจ์ มาสร้างความสดใหม่ให้กับผลิตภัณฑ์

ด้านนายวัลลภ ตรีฤกษ์งาม กรรมการบริหารด้านการขายและการตลาด บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ซูซูกิพร้อมมากสำหรับการแข่งขันตลาดอีโคคาร์ ก่อนหน้านี้ได้นำเซียสมาจัดทำเป็นรุ่นพิเศษ แล้วยังนำเซเลริโอ้มาจัดแคมเปญฉลอง 100 ปี ปรับราคาลงรุ่นละ 45,000 บาท เพื่อตอบแทนความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า และสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์ของซูซูกิได้ง่ายขึ้น มีให้เลือก 4 สี ได้แก่ สีขาว สีแดง สีเทา และสีดำโดยจำหน่าย 3 รุ่น ได้แก่ เซเลริโอ้ GA M/T ราคา 318,000 บาท, รุ่น GL CVT ราคา 398,000 บาท, รุ่น GX CVT ราคา 427,000 บาท

สรรพสามิตยันมลพิษต่ำ ภาษีต่ำ

แหล่งข่าวฝ่ายบริหารจากกรมสรรพสามิต กระทรวงการคลัง เปิดเผยว่าที่ผ่านมาได้วางกรอบกำหนดโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์แล้ว โดยพิจารณาจากการปล่อย CO2 ซึ่งพยายามปรับปรุงให้แก็บของไอเสียมีขั้นบันไดถี่ขึ้น เพื่อทุกอัตราการปล่อยไอเสียจะได้มีโอกาสเสียภาษีต่ำลง สอดรับกับแนวทางการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยียานยนต์ในอนาคต โดยคำนึงถึงการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพต่อสิ่งแวดล้อม รถยนต์ในกลุ่มอีโคคาร์เฟส 2 ถ้าเป็นเครื่องยนต์เบนซิน ปล่อยไอเสียไม่เกิน 100 กรัม/กม. เสียภาษี 14% ใช้น้ำมัน E85 เหลือ 12% ซึ่งถ้าดูจากเครื่องยนต์ขนาด 1,000 ซีซี น่าจะลดลงไปได้อีกหลายหมื่นบาท

ลุ้นมอเตอร์เอ็กซ์โปดันยอด

ขณะที่นายขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ประธานจัดงานมหกรรมยานยนต์ หรือมอเตอร์เอ็กซ์โป 2019 เปิดเผยว่า ปีนี้มีค่ายรถยนต์เตรียมเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ออกสู่ตลาดภายในงานเป็นจำนวนมาก โดยคาดว่าปีนี้จะมียอดจองรถยนต์ในงานไม่น้อยว่า 50,000 คัน จักรยานยนต์ 9,000 คัน เงินสะพัด 56,000-60,000 ล้านบาท ส่วนผู้เข้าชมงานนั้นจะไม่น้อยกว่า 1.6 ล้านคน

“ปีนี้คาดว่ายอดขายรถยนต์โดยรวมน่าจะเติบโตเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 5-8% แม้ว่าช่วง 2-3 เดือนก่อนหน้านี้ ตลาดโดยรวมจะลดลง ซึ่งเป็นไปตามซีซั่นของตลาด อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าในช่วงปลายปีตลาดจะมีความคึกคัก และค่ายรถยนต์จะทำโปรโมชั่นส่งเสริมการขายออกมากระตุ้นตลาด ทำให้แข่งขันสนุกอย่างแน่นอน” นายขวัญชัยกล่าว