“กสอ.” อวดผลงานปี 62 ดัน SMEs ทุกทางสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 15,000 ล้านบาท

อัปเดตล่าสุด 17 ก.ย. 2562
  • Share :
  • 478 Reads   

นายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) กล่าวว่า ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 ได้ดำเนินงานภายใต้นโยบาย “From Local to Global” by Marketing and Innovation หรือ “การตลาดและนวัตกรรมนำการส่งเสริม” ด้วยงบประมาณรวมทั้งสิ้นกว่า 1,280 ล้านบาท โดยมีภารกิจหลักในการสร้างและพัฒนาผู้ประกอบการ และบุคลากรในภาคอุตสาหกรรม เพิ่มประสิทธิภาพให้กับ SMEs และวิสาหกิจชุมชน

เชื่อมโยงสู่ตลาดสากลผ่านการสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศ สามารถพัฒนาผู้ประกอบการ สถานประกอบการ และวิสาหกิจชุมชนกว่า 60,000 ราย พัฒนาผลิตภัณฑ์ได้กว่า 3,000 ผลิตภัณฑ์ สร้างและเชื่อมโยงเครือข่าย 35 กลุ่ม คิดเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจ 15,000 ล้านบาท ซึ่งเกินเป้าที่ตั้งไว้ในช่วงแรก 13,000 ล้านบาท

สร้างแพลทฟอร์มต่าง ๆ เพื่อผลักดันสู่ช่องทางการค้าออนไลน์ การส่งเสริมการใช้โซเชียลมีเดียเพื่อสร้างแบรนด์ธุรกิจ การสนับสนุนการใช้บิ๊กดาต้า เป็นฐานข้อมูลการจับคู่ธุรกิจบน T-GoodTech โดยมีผู้เข้ารับการอบรมกว่า 4,000 ราย เกิดการต่อยอด พัฒนาผลิตภัณฑ์ เพิ่มมูลค่าผลผลิต สามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้กว่า 500 ล้านบาท

เกิดการบูรณาการกับสถาบันการศึกษา 8 แห่ง ในการดำเนินกิจกรรม ‘Research Connect’ หรือ ตลาดต่อ ยอดงานวิจัยสู่อุตสาหกรรม ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี งานวิจัย และนวัตกรรมพัฒนาและผู้ประกอบการต่อยอดไปสู่เชิงพาณิชย์
โดยนำผลงงานวิจัยและนวัตกรรมกว่า 65 ผลงาน ใน 4 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มเกษตรและอาหารแปรรูป กลุ่มพลังงานและสิ่งแวดล้อม กลุ่มการแพทย์-สุขภาพ และกลุ่มซอฟต์แวร์ และดิจิทัล มานำเสนอแก่ผู้ประกอบการและผู้ที่สนใจสร้างโมเดลธุรกิจใหม่ให้เกิดขึ้น ซึ่งส่งผลให้เกิดการต่อยอดจับคู่ธุรกิจ จำนวน 15 ราย คาดเกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจ 77 ล้านบาท

และได้ขยายผลการพัฒนานวัตกรรมผ่านศูนย์ปฏิรูปอุตสาหกรรม 4.0 (Industry Transformation Center: ITC 4.0) ควบคู่กับการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ ศูนย์ออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ (Thailand Industrial Design Center: Thai-IDC) ซึ่งมีผู้เข้ารับบริการแล้วกว่า 18,000 ราย ก่อให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 3,500 ล้านบาท

และยังได้ขยายความร่วมมือการพัฒนาอุตสาหกรรมกับต่างประเทศ กับจีน และประเทศญี่ปุ่น ซึ่งได้ร่วมมือกับรัฐบาลกลาง 5 แห่ง รัฐบาลท้องถิ่น 22 แห่ง และภาคเอกชน 3 แห่งอย่างบริษัท เด็นโซ่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ซึ่งมีการลงนาม MOU กว่า 30 ฉบับ และในปีนี้ได้ MOU กับจังหวัดมิยางิ จังหวัดโคจิ และรัฐบาลท้องถิ่นจังหวัดวากายามะเพิ่ม และยังมีการ Business Matching โอกาสทางการตลาดและส่งเสริมการลงทุนกว่า 80 ราย จากผู้ประกอบการที่เข้าร่วม 130 ราย คาดว่าจะเกิดยอดขายมูลค่าสินค้าภายใน 1 ปี กว่า 370 ล้านบาท

และภารกิจที่สำคัญในการพัฒนา Start up ภายใต้การดำเนินโครงการ Thailand Cyberport โดยจัดตั้งบริษัท อินโนสเปซ (ประเทศไทย) จำกัด ขึ้นและได้มีการลงนามด้านการลงทุนร่วมกับพันธมิตร 13 หน่วยงาน ถึง 515 ล้านบาท เป้าหมายเพื่อยกระดับสตาร์ทอัพไทยให้ถึงระดับ Unicorn (ผู้ประกอบการที่มีผลประกอบการมูลค่าเกิน 1,000 ล้านดอลล่าร์สหรัฐขึ้นไป)

สำหรับแนวทางการดำเนินงานในปีงบประมาณ ปี 2563 กสอ. ยังคงเดินหน้าภายใต้นโยบาย “From Local to Global” by Marketing and Innovation เน้นพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน กลุ่มเกษตรกรที่กระจายในทุกพื้นที่และกลุ่มที่สำคัญต่อเศรษฐกิจในพื้นที่ ผ่านกระบวนการบริหารจัดการธุรกิจ การบริหารจัดการทรัพยากร ตั้งแต่ คน วัตถุดิบ เครื่องจักร และกระบวนการผลิตสินค้าและบริการ ให้มีประสิทธิภาพสูงและตรงตามความต้องการของลูกค้า ตลอดจนบริหารเครือข่ายธุรกิจภายใต้ Supply Chain ได้อย่างเป็นระบบ รวมถึงการส่งเสริมและยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรจาก Local สู่ Global

โดย กสอ. จะร่วมมือกับ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และ สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ โดยคาดว่ากลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน ผู้ประกอบการชุมชนที่ได้รับการยกระดับการบริหารจัดการเชิงอุตสาหกรรมจะมีความเข้มแข็ง สร้างรายได้เพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 15%”

พร้อมกันนี้ กสอ. ได้มอบรางวัลประกวดบทความ หัวข้อ “Offline สู่ Online เชื่อม SMEs ยุคดิจิทัล” ซึ่งมีผู้ส่งผลงานเข้าร่วมประกวดจำนวน 60 บทความ โดยมีผู้ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ ได้แก่ นายกิติศักดิ์ โลกนิยม ได้รับเงินรางวัล 20,000 บาท
พร้อมโล่รางวัลและเกียรติบัตร รางวัลชมเชย 3 รางวัล ได้แก่ นายพสิษฐ์ ทองสีนุช นางสาวนันธีระพร เองไพบูลย์ และนางสาวจิราภรณ์ ก๊กพิทักษ์ ได้รับเงินรางวัล ท่านละ 10,000 บาท พร้อมใบประกาศเกียรติบัตร

ทั้งนี้ ผลงานของผู้ได้รับรางวัลชนะเลิศ จะถูกนำไปเผยแพร่ทางช่องสื่อประชาสัมพันธ์ของ กสอ. ในช่องทางต่างๆ