Mitsubishi Electric เตรียมสร้างคลื่นลูกใหม่ในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า

อัปเดตล่าสุด 20 ก.ย. 2562
  • Share :
  • 673 Reads   

Mitsubishi Electric ตั้งเป้า สร้างคลื่นลูกใหม่ในยุคแห่ง CASE (Connected, Autonomous, Shared, Electric) ประกาศความร่วมมือกับหลายบริษัท ดันองค์ความรู้ด้านเครื่องใช้ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ และอื่น ๆ เข้าสู่ตลาดยานยนต์ พร้อมจับมือ HERE Technologies บริษัทแผนที่ดิจิทัลรายใหญ่ค่ายเนเธอร์แลนด์ ทดสอบระบบ Advanced Driver Assistance Systems (ADAS) ให้พร้อมใช้งานจริง เตรียมทุ่มงบวิจัยและพัฒนาเพิ่มในอนาคต ซึ่ง Mr. Hiroshi Onishi เจ้าหน้าที่บริหาร และหัวหน้าแผนกอิเล็กทรอนิกส์ยานยนต์ บริษัท Mitsubishi Electric ได้ให้สัมภาษณ์ถึงแนวทางของบริษัทไว้ ดังนี้


Mr. Hiroshi Onishi เจ้าหน้าที่บริหาร และหัวหน้าแผนกอิเล็กทรอนิกส์ยานยนต์ บริษัท Mitsubishi Electric


ปัจจุบันสถานการณ์ของแผนกอิเล็กทรอนิกส์ยานยนต์เป็นอย่างไร

“แผนกอิเล็กทรอนิกส์ยานยนต์ของบริษัทเรา อยู่ภายใต้สังกัดของแผนกวิศวกรรมแมคคาทรอนิกส์เพื่ออุตสาหกรรมการผลิต และมียอดขายในปีงบประมาณ 2018 ถึง 8 แสนล้านเยน โดยมียอดขายส่วนใหญ่มาจากผลิตภัณฑ์ชิ้นส่วนไดชาร์จ (Alternator), มอเตอร์, และอินเวอเตอร์, ซึ่งเรายอมรับว่า หากเทียบกับยอดขายรวมทั้งบริษัทแล้ว ชิ้นส่วนสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าจะทำยอดได้น้อย แต่เรามั่นใจว่าจะเป็นหมวดหมู่ที่ทำยอดสูงสุดในอนาคตอย่างแน่นอน ”

มีความเห็นต่อตลาดรถยนต์ไฟฟ้าอย่างไร

“หลังจากนี้ ตลาดจะต้องการมอเตอร์, อินเวอเตอร์, และอุปกรณ์ชาร์จไฟมากขึ้น ซึ่งเราอยู่ระหว่างการพัฒนาทั้ง 3 ส่วนนี้ให้กลายเป็น 1 เดียวกัน นอกจากนี้ ค่ายรถ และซัพพลายเออร์จะทุ่มเทให้กับการพัฒนา และรวมเทคโนโลยีไว้ในชิ้นส่วนเดียวกันมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่นการรวมมอเตอร์เข้ากับเพลา ซึ่งกำลังเริ่มบุกสู่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในขณะนี้ อย่างไรก็ตาม เราไม่มีแผนจะเข้าสู่ตลาดเกียร์, เฟืองทดรอบ, และแบตเตอรี่ และบริษัทเราพร้อมที่จะร่วมมือกับธุรกิจอื่นได้ทุกเมื่อ”

แปลว่าการร่วมมือกับบริษัทอื่นเป็นเรื่องสำคัญมาก

“นอกจากชิ้นส่วนแล้ว Mitsuibishi Electric ยังอยู่ระหว่างการเตรียมนำข้อมูลจากดาวเทียม “Michibiki” มาใช้ เพื่อเตรียมความพร้อมในการเข้าสู่ตลาด Connected Car ในอนาคต รวมถึงการพัฒนาสภาพแวดล้อมในการขับขี่อีกด้วย”

การจับมือกับ HERE Technologies ด้าน ADAS เป็นอย่างไร

“เป้าหมายของเรา คือการสนับสนุนข้อมูลท้องถนนให้กับผู้ขับขี่โดยสมบูรณ์ ทั้งของที่ตกอยู่บนถนน, ความลื่น, สภาพผิว, และอื่น ๆ ภายใต้ชื่อ “Rain Hazard Warning System” ซึ่งได้ทำการทดสอบที่จังหวัดอิบารากิในเดือนธันวาคม 2018 และที่สหรัฐอเมริกา ในเดือนมีนาคม 2019 และเราอยู่ระหว่างการพิจารณาธุรกิจคลาวด์สำหรับสนับสนุนการขับในขณะนี้” 

เริ่มจากตัวเอง

Mitsubishi Electric ชี้แจงต่อว่า การมีประสบการณ์ในธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์อย่างยาวนาน เป็นประโยชน์ในอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการผลิตชิ้นส่วนขนาดเล็ก เช่น เซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งหากพัฒนาเป็นสินค้าที่มีความคงทนได้ ก็จะสามารถเอาตัวรอดในอุตสาหกรรมยานยนต์ได้ อีกทั้งการประสานความร่วมมือกับธุรกิจอื่น ก็เป็นสิ่งสำคัญที่ควรใส่ใจ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สำคัญที่สุด คือการพิจารณาว่า บริษัทตนเองมีองค์ความรู้ด้านใดเสียก่อน จึงจะสามารถตอบได้ว่าควรพัฒนาเทคโนโลยีใด และร่วมมือกับใครในด้านไหน