Sony Corporation รายงานความสำเร็จในการพัฒนากระบวนการเรียนรู้เชิงลึก (Deep Learning) รูปแบบการเรียนรู้ของปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) ที่เลียนแบบมาจากระบบเซลล์ประสาทของมนุษย์ ให้มีความเร็วสูงที่สุดในโลกในขณะนี้ (สถิติเมื่อที่ 13 พฤศจิกายน 2018)

ความสำเร็จนี้เกิดขึ้นจากการใช้เฟรมเวิร์ก (Framework) “Core Library: Neural Network Libraries” ของ Sony ร่วมกับ AI Bridging Cloud Infrastructure (ABCI) โครงสร้างการประมวลผลสำหรับ AI ซึ่งพัฒนาขึ้นโดย Japan's National Institute of Advanced Industrial Science and Technology (AIST)

ในช่วงไม่กี่ปีให้หลังมานี้ ความคืบหน้าในการประมวลผลของ AI ส่วนใหญ่เกิดขึ้นจากการใช้กระบวนการเรียนรู้เชิงลึก โดย AI จะใช้กระบวนการนี้ในส่วนของการแยกแยะ จดจำภาพและเสียง ส่งผลให้ AI มีความสามารถในการประมวลภาพและเสียงที่รวดเร็ว และแม่นยำกว่าสมองมนุษย์ อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันยังคงมีปัญหาสำคัญอย่างหนึ่ง คือ เมื่อ AI บันทึกข้อมูลภาพและเสียงที่เรียนรู้ไว้มากขึ้นเท่าไหร่ ก็จะต้องยิ่งใช้เวลาในการประมวลมากขึ้นเท่านั้น เนื่องจากหน่วยความจำที่มีข้อมูลเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และในการเรียนรู้เชิงลึกบางกรณี จำเป็นต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์ หรือหลายเดือน กว่าที่ AI จะเริ่มทำงานได้ ซึ่งกระบวนการเรียนรู้ที่เร็วขึ้นนี้เอง คือสิ่งที่จะเข้ามามีบทบาทในจุดนี้

ที่ผ่านมา ผู้พัฒนามักเลือกใช้การติดตั้งหน่วยประมวลผลกราฟฟิก (Graphics Processing Unit: GPU) จำนวนมาก ซึ่งในหลายครั้ง การประมวลผลข้อมูลจำนวนมากพร้อมกันส่งผลให้ AI มีความเร็วต่ำลง หรือหยุดการทำงาน รวมถึงมีความล่าช้าจากการที่ AI ต้องส่งข้อมูลระหว่าง GPU 

ด้วยความสามารถของ ABCI นี้เอง ที่ช่วยลดระยะเวลาในการรับส่งข้อมูลให้สั้นลง และสามารถประมวลผลได้ในโครงสร้างขนาดใหญ่โดยที่ไม่มีความล่าช้า และประสบความสำเร็จในการทดสอบตาม Benchmark “ImageNet/ResNet-50*2” ซึ่งถูกใช้เป็นมาตรฐานการประมวลผลด้วยการเรียนรู้เชิงลึกในภาคอุตสาหกรรม ภายในระยะเวลาเพียง 3.7 นาที และใช้ GPU มากถึง 2,176 ตัว ซึ่งเร็วที่สุดในโลก ในขณะนี้ ทำลายสถิติเดิมที่ 6.6 นาทีโดย Tencent เมื่อเดือนกรกฎาคมได้สำเร็จ

ความสำเร็จนี้จะช่วยให้กระบวนการ Trial-and-Error ซึ่งถูกใช้ในการพัฒนาเทคโนโลยีให้มีระยะเวลาสั้นลงเป็นอย่างมาก เชื่อมโยงไปสู่การพัฒนาเทคโนโลยีให้สามารถเข้าสู่สังคมได้รวดเร็วยิ่งขึ้น