กลุ่มทุนอสังหาริมทรัพย์จีน “Yunnan Chengtou Group” ของยูนนาน บูมโครงการยักษ์ “The Man Park” ใจกลางเมืองเชียงรุ่ง จีบผู้ประกอบการไทยนำสินค้าอาหาร-บริการท่องเที่ยวภาคเหนือลงทุนในโครงการ รับนักท่องเที่ยว 28 ล้านคนต่อปี ชี้ธุรกิจสปา-หัตถกรรมสินค้าตกแต่งบ้าน ดีมานด์สูง พร้อมเปิดตัวอย่างเป็นทางการ 1 กรกฎาคม 2562 นี้

นาย Lin Ben ผู้ช่วยผู้จัดการทั่วไป บริษัท ท่องเที่ยวและการลงทุนสิบสองปันนา จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทของรัฐบาลจีน เปิดเผยว่า ในวันที่ 1 กรกฎาคม 2562 จะเปิดตัวโครงการ The Man Park ซึ่งเป็นโครงการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่แห่งใหม่ของเมืองจิ่งหง สิบสองปันนา มีพื้นที่ 100,000 ตารางเมตร มูลค่าลงทุนประมาณ 3 หมื่นล้านหยวน (ประมาณ 1.5 แสนล้านบาท) ดำเนินงานโดย Yunnan Chengtou Group หรือ YMCI ซึ่งเป็นบริษัทด้านการลงทุนขนาดใหญ่ของมณฑลยูนนาน เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวภายในประเทศจีน และต่างประเทศที่จะมาท่องเที่ยวถึง 28 ล้านคนต่อปี โดยเฉพาะในปี 2565 โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมโยงไปยัง สปป.ลาวและเมียนมาจะแล้วเสร็จ โดยมีสถานีภายในโครงการด้วย จึงได้เชิญนักลงทุนไทย ผู้ประกอบการ จากจังหวัดเชียงใหม่ที่มีสินค้าและบริการที่มีศักยภาพมาร่วมลงทุนภายในโครงการ ได้แก่ ผู้แทนจากหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ สมาพันธ์ SME ไทยจังหวัดเชียงใหม่ สมาคมผู้ประกอบการบ้านถวาย และ Biz Club เชียงใหม่มาสำรวจลู่ทางความเป็นไปได้ที่จะนำสินค้าและบริการจากภาคเหนือมาที่เมืองเชียงรุ่งสิบสองปันนา

โดยโครงการ The Man Park (เดอะ ม่าน ปาร์ค) บริหารงานโดยรัฐบาลจีนจะเชื่อมพื้นที่ด้านหน้าศูนย์แสดงสินค้านานาชาติสิบสองปันนาไปถึงสวนสาธารณะม่านทิง ภายในโครงการประกอบด้วย โรงแรม อาคารที่อยู่อาศัย ห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาล และศูนย์แสดงสินค้านานาชาติ เป็นต้น

Mr.Lin กล่าวว่า ภายในโครงการมีคอนโดมิเนียม 10 อาคาร ได้ขายหมดแล้ว 7 อาคาร จำนวน 1,400 ห้อง โรงแรม 7 แห่ง ขายไปแล้ว 4 โรงแรม ส่วนที่เหลือทางบริษัทจะบริหารจัดการเอง โดยพื้นที่จะมีโซนกิจกรรม โซนการค้าของลุ่มแม่น้ำโขง 6 ประเทศ ซึ่งจะกลายเป็นพื้นที่ต่อเนื่องใจกลางเมืองขนาดใหญ่ คาดว่าภายในโครงการจะมีประชากรอยู่อาศัยมากถึง 150,000 คน โดยมีกำหนดเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 กรกฎาคม 2562 ทั้งนี้ บริษัทมีความต้องการให้นักลงทุนที่ต้องการร่วมทุน และต้องการนำเข้ากลุ่มสินค้าอาหาร เครื่องสำอาง ของใช้ส่วนตัว และเครื่องประดับตกแต่งภายในบ้าน สินค้าที่มีคุณภาพได้มาตรฐานหรือมีแบรนด์ของตนเอง โดยเฉพาะธุรกิจสปามีโอกาสทางการตลาด และมีดีมานด์สูงในตลาดจีน

ก่อนหน้านี้ได้มีการลงทุนของภาคเอกชนของจีนในพื้นที่เมืองเชียงรุ่งสิบสองปันนา 2 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 1 ล้านล้านบาท คือ 1. โครงการ 9 จอม 12 เชียง ของ Haicheng Group มูลค่า 200,000 ล้านหยวน หรือราว 940,000 ล้านบาท บนพื้นที่ประมาณ 600 ไร่ ริมแม่น้ำโขง ซึ่งปัจจุบันมีทั้งโรงแรม และตลาดน้ำ 6 ประเทศลุ่มแม่น้ำโขง 2.Wanda Group ที่ได้ลงทุนทั้ง outdoor theme park ระดับมาตรฐานโลก ห้างสรรพสินค้า Wanda Plaza รีสอร์ตหรูระดับ 6 ดาว และภัตตาคารริมน้ำ โรงพยาบาลอินเตอร์ และโรงละครที่ทันสมัยระดับ first cass บนพื้นที่ 5.3 ตารางกิโลเมตร โดยลงทุนกว่า 16 พันล้านหยวน หรือประมาณ 1 แสนล้านบาท นับเป็นการลงทุนมากที่สุดในด้านการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในภูมิภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีน และเป็นโครงการคุณภาพระดับ world class

ส่วนการก่อสร้างรางรถไฟและสถานีรถไฟบนเส้นทางรถไฟจีน-ลาว-ไทย ซึ่งจะเป็นส่วนกระตุ้นเศรษฐกิจของเมืองสิบสองปันนา มีความคืบหน้าตามแผนงานที่วางไว้ ปัจจุบันช่วงคุนหมิง-ยวี่ซีได้ก่อสร้างแล้วเสร็จและเปิดใช้งานแล้ว ขณะที่ช่วงยวี่ซี-บ่อหาน ความยาว 508 กม. คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จ และเปิดใช้ขนส่งผู้โดยสารและสินค้าได้ภายในปี 2564 ด้วยความเร็ว 160 กม./ชม. โดยจากสถานีคุนหมิงถึงสถานีจิ่งหงเป็นรางคู่ รองรับรถไฟขนส่งผู้โดยสาร 40 คู่/วัน และรองรับสินค้า 40 ล้านตัน/ปี ขณะที่จากสถานีจิ่งหงถึงสถานีบ่อหานจะเป็นรางเดี่ยว รองรับรถไฟขนส่งผู้โดยสาร 10 คู่/วัน และรองรับสินค้า 20 ล้านตัน/ปี

นางประภา กลิ่นสุวรรณ ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอี ไทย จังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า หลังจากได้พบปะผู้บริหารโครงการ และได้รับทราบรายละเอียดโครงการ The Man Park (เดอะ ม่าน ปาร์ค) ได้มองเห็นโอกาสที่ผู้ประกอบการธุรกิจในจังหวัดเชียงใหม่และภาคเหนือ จะสามารถนำสินค้าหรือขยายการลงทุนในโครงการนี้ ถือเป็นโครงการที่ผู้ประกอบการมีความเชื่อมั่น เพราะเป็นโครงการของรัฐบาลจีนและมีแผนงานการดึงนักท่องเที่ยวและนักลงทุนไปลงทุนในพื้นที่โครงการ

ทั้งนี้ ได้มีการวางแผนที่จะเชื่อมโยงโดยจะจัดคณะผู้ประกอบการนักลงทุนจากเชียงใหม่และภาคเหนือไปสรุปความร่วมมือกับโครงการ The Man Park (เดอะ ม่าน ปาร์ค) อีกครั้งภายในเดือนพฤษภาคมนี้ โดยจะได้วางแผนนำสินค้าและบริการของไทยไปอยู่ในโซนแสดงสินค้า รวมถึงการจัดงานที่ส่งเสริมการขายของไทยด้วย โดยจะประสานให้ทางโครงการได้สนับสนุนในเงื่อนไขการอำนวยความสะดวกในการนำสินค้าและบุคลากรของไทยไปด้วย เพื่อให้ทันตามกำหนดการเปิดตัวของโครงการในอีก 2 เดือนข้างหน้า