สภาหอการค้าญี่ปุ่น-กรุงเทพฯ (เจซีซี) และ เจโทร กรุงเทพฯ เปิดเผยแบบสำรวจจาก 40 บริษัทญี่ปุ่นในไทยในประเด็นผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ในวันนี้ (14 ก.พ. 2020) ซึ่งทางเจซีซีระบุว่าบริษัททั้ง 40 แห่งซึ่งทำการตอบแบบสำรวจสามารถเป็นกลุ่มตัวอย่างบ่งชี้ถึงภาวะผลกระทบต่อภาพรวมของธุรกิจญี่ปุ่นในไทยได้เป็นอย่างดี

ทั้งนี้ จากผลสำรวจพบว่าบริษัทญี่ปุ่นในไทยกว่า 55% เผชิญกับปัญหาขาดแคลนชิ้นส่วนและวัตถุดิบนำเข้าจากจีน ซึ่งจำเป็นต้องหยุดการผลิตลงจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยบริษัทอุตสาหกรรมการผลิตราว 81% ได้รับผลกระทบดังกล่าว นอกจากนี้ยังพบว่าบริษัทเหล่านี้ส่วนใหญ่มีการสต๊อกสินค้าชิ้นส่วนและวัตถุดิบสำหรับการผลิตถึงแค่เดือน มี.ค. 2020 เท่านั้น

โดย “สึตโยชิ อิโนะอูเอะ” ประธานสภาหอการค้าญี่ปุ่น-กรุงเทพ กล่าวว่า ถึงแม้ว่าจีนจะอนุญาตให้ภาคธุรกิจและรัฐบาลกลับมาดำเนินการแล้วเมื่อ 10 ก.พ. 2020 อย่างไรก็ตามปัจจุบันไลน์การผลิตชิ้นส่วนและวัตถุดิบในจีนยังคงปิดอยู่ ดังนั้นหากจีนยังไม่สามารถกลับมาผลิตชิ้นส่วนและวัตถุดิบได้ทางบริษัทญี่ปุ่นจำเป็นต้องพิจารณาจัดหาชิ้นส่วนนำเข้าจากประเทศอื่น ๆ

ขณะที่จากการสำรวจของเจโทร เมื่อ พ.ย. 2019 พบว่า บริษัทญี่ปุ่นในไทยพึ่งพาการนำเข้าชิ้นส่วนและวัตถุดิบจากจีนในสัดส่วนเพียง 5.2 % ของการนำเข้าชิ้นส่วนทั้งหมดจากทั่วโลกเท่านั้น โดยพบว่าบริษัทญี่ปุ่นในไทยพึ่งพาชิ้นส่วนจากซัพพลายเออร์ภายในประเทศไทยถึง 60.8%

“อัตสึชิ ทาดคนิ” ประธานเจโทร กรุงเทพฯ ว่า ห่วงโซ่อุปทานการผลิตโลกมีความซับซ้อนสูง ถึงบริษัทญี่ปุ่นอาจมีการนำเข้าชิ้นส่วนจากจีนไม่มากนัก อย่างไรก็ตามซัพพลายเออร์ในไทยอาจมีการนำเข้าชิ้ส่วนจากจีนที่ค่อนข้างมาก ดังนั้นจากผลสำรวจจึงเห็นว่าบริษัทญี่ปุ่นในไทยกลับได้รับผลกระทบเกี่ยวกับปัญหานี้สูงมาก

อย่างไรก็ตามปัจจุบันยังไม่มีบริษัทญี่ปุ่นที่ทำการตอบแบบสำรวจจำเป็นต้องยุติการผลิตจากสาเหตุการขาดแคลนวัตถุดิบ นอกจากนี้ยังพบว่าบริษัทส่วนใหญ่ยังคาดว่าจะได้รับผลกระทบจากปริมาณยอดขายลดลงเนื่องจากเศรษฐกิจโลกที่จะชะลอตัว  รวมถึงปัญหาการบริโภคที่ชะลอตัวจากจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่ลดลงจาดสาเหตุการระบาดของไวรัสโควิด-19 อีกด้วย