โดยการทดสอบครั้งนี้ เป็นการทดสอบถ่ายทอดสดขณะเคลื่อนที่ ต่างกับการทดสอบครั้งก่อนที่เป็นการถ่ายทอดสด 4K ซึ่งไม่มีการเคลื่อนย้ายอุปกรณ์ใด ๆ แสดงศักยภาพ และการนำ 5G ไปใช้จริงให้ชัดเจนยิ่งขึ้น

โดยวีดิโอ 4K มีขนาดภาพอยู่ที่ 3840 x 2160 px และเฟรมเรทที่ 50 fps มีจุดเด่นเรื่องความคมชัด และคุณภาพสี อย่างไรก็ตาม การส่งสัญญาณ 4K มีปัญหาใหญ่ที่ผู้ผลิตต่างพบเจออย่างหนึ่ง คือปัญหาด้านการส่งสัญญาณภาพ ซึ่งเทคโนโลยี 5G ที่มีความสามารถในการส่งสัญญาณสูงกว่า 4G 10 - 100 เท่านี้เอง ที่จะเป็นส่วนช่วยให้การถ่ายทอดสดแบบ 4K เป็นไปได้จริง

การทดสอบครั้งนี้ เป็นการส่งสัญญาณ 4K ผ่านเครือข่ายสัญญาณ 5G ของ China Mobile และ Huawei โดยส่งสัญญาณไปยังอาคารในตงจื๋อเหมิน และเหม่ยฮุย ซึ่งติดตั้ง 5G gNodeBs เอาไว้เป็นจำนวนมาก ซึ่งจากการทดสอบ พบว่า เครือข่าย 5G ของจีน สามารถรองรับการถ่ายทอดสด 4K UHD ในขณะที่กล้องเคลื่อนที่อยู่ได้ด้วยความเร็ว 40 - 60 Mbit/s

โดยในการทดสอบ การส่งสัญญาณถูกดำเนินการผ่านคลื่นความถี่ 2.6 GHz และ 4.9 GHz ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้เป็นที่น่าพอใจ ทั้งภาพเคลื่อนไหวที่ราบรื่น และสัญญาณที่มีความเสถียร 

สำหรับอุตสาหกรรมสื่อ การถ่ายทอดสดขณะเคลื่อนที่ เป็นสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ ซึ่งความสำเร็จในการสดสอบครั้งนี้ จะส่งผลต่อการผลิตรายการเป็นอย่างมาก ทั้งการเก็บภาพ ตัดต่อ และออกอากาศ ซึ่งจะมีบทบาทเป็นอย่างยิ่งในการถ่ายทอดสดงานอีเวนท์ หรือการแข่งกีฬา รวมไปถึงเพิ่มขีดความสามารถในการ Digitalization และ Informatization ในอุตสาหกรรมอื่น ๆ ต่อไปในอนาคต