บริษัท​ ซี.​ซี. ออ​โต​พาร์ท​ จำกัด (C.C.AUTOPART) ผู้ผลิตและจำหน่ายชิ้นส่วนยานยนต์, ชิ้นส่วนอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า, ชิ้นส่วนเครื่องจักรกลการเกษตร, เครื่องจักรมาตรฐานอุตสาหกรรมและอุปกรณ์ทันตกรรม ที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2533 โดยแรกเริ่มทาง C.C.AUTOPART เป็นผู้ผลิต OEM Parts รับจ้างผลิตชิ้นส่วนโลหะให้บริษัทรถยนต์ และมอเตอร์ไซค์ ด้วยความรอบรู้และเชี่ยวชาญด้านงานวิศวกรรม จึงได้คิดค้นนวัตกรรมและพัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องจักรต่าง ๆ ขยายไลน์ธุรกิจสู่อุตสาหกรรมอื่น ได้แก่ เครื่องจักรอุตสาหกรรม เครื่องจักรกลการเกษตร และเครื่องมือแพทย์ สอดรับกับเทรนด์ธุรกิจอุตสาหกรรมมาแรง โดยเฉพาะปี 2563 คือ เกษตรอุตสาหกรรม และ อุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ 

และเมื่อเร็ว ๆ นี้ C.C.AUTOPART ได้ร่วมออกบูธในงานใหญ่แห่งปีของวงการโลหะการ Metalex 2019 ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 20-23 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยนำนวัตกรรมเครื่องจักรที่เกี่ยวข้องไปร่วมจัดแสดงในงานนี้ด้วย อาทิ เครื่องเลื่อยสายพาน แบรนด์ CC (Band Saw Machine) เครื่องย่อยกิ่งไม้ใบ้ไม้ แบรนด์ CC ที่ได้รับมาตรฐาน ISO 9001 และเครื่องแยกกากของเสียออกจากนํ้า Slit Saver โดย คุณบุญเลิศ ชดช้อย กรรมการผู้จัดการ บริษัท​ ซี.​ซี. ออ​โต​พาร์ท​ จำกัด ซึ่งท่านยังดำรงตำแหน่งนายกสมาคมอุตสาหกรรมแม่พิมพ์ไทยอีกด้วย ได้เผยมุมมองภาพรวมอุตสาหกรรมไทยน่าจับตาในปี 2020 ที่กำลังจะมาถึงในอนาคตอันใกล้นี้

เครื่องเลื่อยสายพาน แบรนด์ CC 

เครื่องเลื่อยสายพาน แบรนด์ CC เป็นเครื่องเลื่อยระบบป้อนชิ้นงานอัตโนมัติ สำหรับรุ่น H-300AUTO ที่นำมาจัดแสดงครั้งนี้ สามารถใช้ตัดชิ้นงานที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 300 มม. มีความแม่นยำ ควบคุมด้วยระบบ PLC และ Linear Scale ใช้งานง่ายเพียงปลายนิ้วสัมผัสบนหน้าจอ Touchscreen โดยเราพัฒนามาเป็นลำดับ ซึ่งในปัจจุบันสามารถตั้งโปรแกรมในการตัดเหล็กเป็นระบบอัตโนมัติ สามารถหยิบเหล็กทั้งท่อน ความยาวมาตรฐาน 6 เมตร ใส่เข้าไป และตั้งความยาวได้ว่าจะตัดเหล็กจำนวนกี่ท่อน แล้วจึงคำนวณความยาวของเหล็กให้ใช้ได้ทั้งหมด โดยตัดด้วยความยาวที่แตกต่างกัน เพื่อให้ใช้ได้หมดทั้งเส้น ช่วยลดต้นทุนการผลิตได้เป็นอย่างดี ซึ่งปัจจุบัน เครื่องเลื่อยสายพานนี้ ได้ตอบโจทย์โรงงานอุตสาหกรรมเป็นอย่างดีทั้งในประเทศไทย ส่งออกไปยังประเทศเวียดนามและประเทศเมียนมา 

เครื่องเลื่อยสายพาน CC รุ่น H-300AUTO (Band Saw Machine)

ฟันธงอุตสาหกรรมการเกษตรปี 2020 ยังน่าลงทุน !!

แม้ว่าในช่วงปีนี้ภาคเกษตรกรรมอาจจะซบเซาลง เนื่องจากสภาวะความแห้งแล้งอย่างหนักในหลายพื้นที่ ส่งผลให้ภาคเกษตรกรรมไม่มีกำลังเงินเพียงพอที่จะลงทุนเครื่องมือใหม่ ๆ มากนัก ในทางกลับกัน เกษตรกรก็ยังคงต้องลงทุนในด้านการซื้อเครื่องจักรกลทางการเกษตร ทาง C.C.AUTOPART จึงมองว่า อุตสาหกรรมการเกษตรในปี 2020 จะยังคงเติบโตได้อีก 

ซึ่งในปี 2020 C.C.AUTOPART จะรุกตลาดด้านเกษตรอุตสาหกรรม ผลิตเครื่องจักรกลทางการเกษตรต่าง ๆ มากขึ้น ซึ่ง ณ เวลานี้ ทางบริษัทก็ได้เริ่มทำไปบ้างแล้ว เช่น เครื่องย่อยกิ่งไม้หรือใบ้ไม้ ภายใต้แบรนด์ "CC" ที่ได้รับมาตรฐาน ISO 9001 เหมาะสำหรับการใช้ในครัวเรือนและอุตสาหกรรม สินค้ามาตรฐานสากล อีกทั้งมีราคาจับต้องได้ ใช้งานง่าย และเคลื่อนย้ายจัดเก็บสะดวก การบำรุงรักษาไม่ยุ่งยาก ซึ่งสามารถย่อยกิ่งไม้ และหญ้าบางชนิด เช่น หญ้าเนเปียร์ ได้ละเอียดมากขึ้น ช่วยส่งเสริมด้านการเลี้ยงสัตว์ให้กับเกษตรกรไทย และได้เตรียมที่จะพัฒนา “โรงเรือนอัจฉริยะ” (Smart Farm) ในรูปแบบโรงเรือนปิด ซึ่งลูกค้าสามารถซื้ออุปกรณ์แล้วนำไปประกอบเองได้โดยง่ายคล้ายกับการต่อจิ๊กซอว์ ทำให้เกษตรกรสามารถประกอบได้เอง ไม่ต้องจ้างช่าง นำไปสู่การลดต้นทุนเพราะตัวของเกษตรกรนั้นสามารถทำได้เอง ตอบสนองในด้านการลดต้นทุนด้านของแรงงานคนให้กับพี่น้องเกษตรกรยุคใหม่ ซึ่งคุณบุญเลิศเชื่อว่า  หากเราสนับสนุนกันและกันก็จะทำให้ภาคเกษตรกรรมของไทยสามารถที่จะเดินหน้าต่อไปได้ 

หลายปัจจัยสนับสนุน อุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์เติบโตได้อีกไกล !!

C.C.AUTOPART เชื่อว่าในปีหน้า สำหรับอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ไทยเติบโตขึ้น เนื่องจากประเทศไทยมีผู้ผลิตเครื่องมือแพทย์จำนวนน้อย แต่มีความต้องการในตลาดมาก ทางบริษัทจึงเลือกผลิตเครื่องมือแพทย์ในประเภทของคุรุภัณฑ์ และเตรียมลงทุนในส่วนของ “เตียงผู้ป่วย” ในระดับท็อปในปี 2020 ซึ่งในตลาดเครื่องมือแพทย์ เรียกระบบนี้ว่า “เตียงผู้ป่วย 5 ไกร์” ซึ่งในไทยมีความต้องการค่อนข้างสูง เนื่องจากปัจจุบันในประเทศไทยส่วนใหญ่ยังเป็นเตียงผู้ป่วยแบบ 3 ไกร์ หรือในระดับพื้นฐานอยู่ จึงเชื่อว่าอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ของไทยยังน่าลงทุน

นอกจากนี้ ในปี 2020 ประเทศไทยจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ นำมาซึ่งโอกาสทางธุรกิจของเครื่องมือแพทย์ที่เกี่ยวข้อง รวมไปถึง “ราวจับ หรือ ราวพยุงตัว” ในห้องน้ำสำหรับผู้สูงอายุที่ช่วยป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งในประเทศไทยยังมีการผลิตน้อยมาก หรือแทบจะไม่มีเลย และต้องพึ่งพาการนำเข้าเป็นส่วนใหญ่ ทั้งนี้ คุณบุญเลิศได้ฝากถึงผู้ประกอบการไทยในอุตสาหกรรมยานยนต์ หรือ OEM Parts ว่า อุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ในกลุ่มของผู้สูงอายุยังถือว่าน่าสนใจ เนื่องจากตลาดของประเทศไทย และประเทศเพื่อนบ้านจะยังคงเติบโตและมีความต้องการในสินค้าไทยเพิ่มขึ้นอีกมาก 

โซลูชันที่ตอบโจทย์การลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอันเกิดจากโรงงานอุตสาหกรรม

C.C.AUTOPART กล่าวย้ำถึงการให้ความสำคัญกับผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม จึงมีการร่วมทุนกับ บริษัท เคนเด็นชา จํากัด ประเทศญี่ปุ่น (KENDENSHA CO., LTD.) ตั้งบริษัทใหม่โดยใช้ชื่อว่า บริษัท ซี.ซี. เคนเด็นชา จํากัด (C.C. KENDENSHA CO., LTD.) ร่วมผลิตและพัฒนาเครื่องแยกกากของเสียออกจากนํ้า ในชื่อ “Slit Saver” ซึ่งมีต้นทุนการใช้งานที่ต่ำ ทำให้สามารถบำบัดน้ำเสียได้ดีขึ้น ดังนั้น ถ้านำเครื่องจักรนี้ไปใช้ทั้งในภาคอุตสาหกรรม ภาคเกษตรกรรม หรือแม้แต่ที่อยู่อาศัย จะทำให้น้ำที่ทิ้งลงสู่สาธารณะสะอาดขึ้น โดยปัจจุบัน ได้ส่งออกไปยังประเทศญี่ปุ่น และเวียดนาม ซึ่งรายหลังให้ความสำคัญและรณรงค์ในด้านสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างมาก เนื่องจากโรงงานอุตสาหกรรมที่เกิดขึ้นใหม่ในเวียดนามนั้นจะต้องมีระบบบำบัดน้ำเสียเท่านั้นจึงจะได้รับการอนุญาตให้จัดตั้งโรงงานอุตสาหกรรม แตกต่างกับไทยที่ยังให้ความสำคัญในด้านสิ่งแวดล้อมไม่มากเท่าที่ควร