บีโอไอเผยยอดลงทุน 9 เดือน ทะยาน 1.3 ล้านล้านบาท ต่างชาติเชื่อมั่นศักยภาพไทย ฐานลงทุนระยะยาว
บีโอไอ เผยยอดขอรับการส่งเสริมการลงทุน 9 เดือนแรก ปี 2568 เติบโตเกือบเท่าตัว มูลค่ารวมทะลุ 1.3 ล้านล้านบาท จากกว่า 2,600 โครงการ นำโดยอุตสาหกรรมดิจิทัล อิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า สอดรับกระแสเศรษฐกิจดิจิทัลและความต้องการอุปกรณ์เทคโนโลยีขั้นสูงที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก ต่างชาติลงทุนกว่า 9.8 แสนล้านบาท สะท้อนเชื่อมั่นไทยจุดหมายการลงทุนที่สำคัญ ด้วยบรรยากาศการลงทุนที่เปิดกว้าง เป็นกลาง และเอื้อต่อความร่วมมือกับพันธมิตรจากทั่วโลก
29 ตุลาคม 2568 — นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่าแนวโน้มการลงทุนในไทยในปี 2568 เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยช่วง 9 เดือนแรก (ม.ค. - ก.ย. 2568) มีการยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ทั้งในแง่จำนวนโครงการและเงินลงทุน โดยมีจำนวน 2,622 โครงการ เพิ่มขึ้นร้อยละ 23 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มูลค่าเงินลงทุนรวม 1,374,553 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 94 สะท้อนว่านักลงทุนให้ความเชื่อมั่นต่อประเทศไทย ทั้งด้านปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ความพร้อมรองรับการลงทุน ศักยภาพการเติบโตในระยะยาว รวมทั้งบทบาทของไทยในการเป็นศูนย์กลางการลงทุนที่สำคัญในภูมิภาคอาเซียน
กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าเงินลงทุนสูงในช่วง 9 เดือน
- ดิจิทัล โดยเฉพาะกิจการ Data Center ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ และกิจการพัฒนาซอฟต์แวร์ แพลตฟอร์มเพื่อให้บริการดิจิทัล และดิจิทัลคอนเทนต์ มูลค่า 612,768 ล้านบาท (119 โครงการ)
- อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น การผลิต PCB, Hard Disk Drive, ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ การผลิตแบตเตอรี่ระดับเซลล์ และเครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะ มูลค่า 184,078 ล้านบาท (382 โครงการ)
- การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ ลม ชีวมวล มูลค่า 74,212 ล้านบาท (300 โครงการ)
- ยานยนต์และชิ้นส่วน เช่น การลงทุนปรับปรุงสายการผลิตรถยนต์และรถจักรยานยนต์ การผลิตยางล้อและชิ้นส่วนรถยนต์ ชิ้นส่วนอากาศยาน มูลค่า 70,985 ล้านบาท (229 โครงการ)
- เกษตรและอาหาร เช่น การแปรรูปอาหาร อาหารสัตว์ สารสกัดจากวัตถุดิบทางธรรมชาติ ผลิตภัณฑ์ยาง และผลิตภัณฑ์จากเศษวัสดุทางการเกษตร มูลค่า 47,200 ล้านบาท (228 โครงการ)
- ปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ รวมทั้งผลิตภัณฑ์พลาสติกสำหรับอุตสาหกรรม มูลค่า 36,766 ล้านบาท (230 โครงการ)
- การแพทย์ เช่น กิจการโรงพยาบาล ศูนย์การแพทย์เฉพาะทาง และการผลิตอุปกรณ์การแพทย์ มูลค่า 25,086 ล้านบาท (89 โครงการ)
- การท่องเที่ยว เช่น กิจการโรงแรม กิจการสร้างแหล่งท่องเที่ยว มูลค่า 15,902 ล้านบาท (21 โครงการ)
การลงทุนจากต่างประเทศในช่วง 9 เดือน
สำหรับการลงทุนจากต่างประเทศ (FDI) ยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง มีโครงการยื่นขอรับการส่งเสริมจำนวน 1,947 โครงการ เพิ่มขึ้นร้อยละ 38 เงินลงทุนรวม 985,337 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 82 โดยประเทศ/เขตเศรษฐกิจที่มีมูลค่าการขอรับการส่งเสริมสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ สิงคโปร์ 359,805 ล้านบาท ฮ่องกง 237,264 ล้านบาท จีน 142,887 ล้านบาท สหราชอาณาจักร 100,295 ล้านบาท และญี่ปุ่น 73,754 ล้านบาท ตามลำดับ ทั้งนี้ เงินลงทุนจากต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นมากเกิดจากการลงทุนในกิจการ Data Center ขนาดใหญ่จากสิงคโปร์และสหราชอาณาจักร และกิจการผลิตแบตเตอรี่ระดับเซลล์สำหรับยานยนต์ไฟฟ้าและระบบกักเก็บพลังงานจากฮ่องกง ซึ่งถือเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญที่จะช่วยต่อยอดอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติที่มีต่อเศรษฐกิจและการเติบโตของไทยในระยะยาว
ในด้านพื้นที่ เงินลงทุนส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ภาคตะวันออก มีมูลค่า 855,228 ล้านบาท จาก 1,431 โครงการ รองลงมา ได้แก่ ภาคกลาง 300,300 ล้านบาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 28,560 ล้านบาท ภาคเหนือ 25,940 ล้านบาท ภาคใต้ 24,445 ล้านบาท และภาคตะวันตก 12,664 ล้านบาท ตามลำดับ
การขอรับการส่งเสริมตามมาตรการยกระดับอุตสาหกรรมในช่วง 9 เดือน
นอกจากนี้ การขอรับการส่งเสริมตามมาตรการยกระดับอุตสาหกรรม (Smart และ Sustainable Industry) ซึ่งเป็นการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการลงทุนเพื่อปรับปรุงกิจการเดิมให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น มีนักลงทุนให้ความสนใจเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568 มีคำขอรับการส่งเสริมจำนวน 402 โครงการ เพิ่มขึ้นร้อยละ 49 มูลค่าเงินลงทุนรวม 37,652 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 81 ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนเพื่อยกระดับไปสู่อุตสาหกรรม 4.0 การใช้เทคโนโลยีดิจิทัล การปรับเปลี่ยนเครื่องจักรเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพ การนำระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์มาใช้ในกิจการ การประหยัดพลังงาน การใช้พลังงานทดแทน และการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
สำหรับสถิติในขั้นการอนุมัติส่งเสริมการลงทุน ในช่วง 9 เดือนแรก ปี 2568 มีจำนวน 2,413 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 1,114,798 ล้านบาท โดยประโยชน์ของโครงการที่ได้รับอนุมัติเหล่านี้ คาดว่าจะมีการใช้วัตถุดิบในประเทศประมาณ 6.1 แสนล้านบาท/ปี เกิดการจ้างงานคนไทยกว่า 175,000 ตำแหน่ง และทำให้มูลค่าส่งออกของประเทศเพิ่มขึ้นกว่า 1.4 ล้านล้านบาท/ปี ขณะที่ตัวเลขในขั้นการออกบัตรส่งเสริม มีจำนวน 2,050 โครงการ เงินลงทุนรวม 947,661 ล้านบาท
“สถิติการลงทุนในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ แสดงให้เห็นถึงคลื่นการลงทุนที่กำลังเคลื่อนตัวเข้าสู่ประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกิจการโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ เช่น Data Center และอุตสาหกรรมใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เช่น กลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ กลุ่มแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์หรือ PCB และกิจการผลิตแบตเตอรี่ระดับเซลล์ ซึ่งจะเป็นหัวใจสำคัญในการเสริมความแข็งแกร่งของซัพพลายเชนให้กับอุตสาหกรรมหลักของไทย อย่างยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ การเพิ่มขึ้นของเม็ดเงินลงทุนนี้จะช่วยหนุนให้เกิดการเติบโตของการจ้างงานบุคลากรไทย การพัฒนาทักษะและเทคโนโลยี การส่งออก รวมถึงการเพิ่มการใช้วัตถุดิบในประเทศอย่างมีนัยสำคัญ โดยบีโอไอจะเร่งผลักดันโครงการสำคัญให้ลงทุนจริงได้เร็วที่สุดผ่านกลไก Thailand FastPass ภายใต้นโยบาย Quick Big Win ของรัฐบาล เพื่อเพิ่มเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจอย่างเป็นรูปธรรม” นายนฤตม์ กล่าว
#BOI #บีโอไอ #Investment #ยอดส่งเสริมการลงทุน2568 #FDIไทย #ThailandInvestment #MReportTH #IndustryNews
บทความยอดนิยม 10 อันดับ
- ยอดขายรถยนต์ 2567
- 10 อันดับธุรกิจดาวรุ่ง ปี 2568
- คาร์บอนเครดิต คือ
- ยอดขายมอเตอร์ไซด์ 2567
- “ยานยนต์ไร้คนขับ” กับทิศทางการเติบโตในปี 2022-2045
- ยอดลงทุนปี 67 ทะลุ 1 ล้านล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์
- ยอดจดทะเบียนใหม่ยานยนต์ไฟฟ้า 2567
- สถิติส่งออกกลุ่มยานยนต์และชิ้นส่วนไทยปี 2567
- เทคโนโลยีในงานโลจิสติกส์ มีอะไรบ้าง
- 5 เทคนิค “มือใหม่ใช้เครื่อง CNC”
อัปเดตข่าวทุกวันที่นี่ www.mreport.co.th
Line / Facebook / X / YouTube @MreportTH
