ลูเมนตั้มขยายฐานผลิตและศูนย์ออกแบบชิปในไทย หนุนชิปเมดอินไทยแลนด์

ลูเมนตั้ม ขยายฐานผลิตและศูนย์ออกแบบชิปในไทย หนุนเป้าหมาย “ชิปเมดอินไทยแลนด์”

อัปเดตล่าสุด 3 ต.ค. 2568

ลูเมนตั้ม (Lumentum) ผู้นำด้านเซมิคอนดักเตอร์จากสหรัฐอเมริกา เดินหน้าขยายฐานการผลิตและจัดตั้งศูนย์วิจัยและออกแบบชิปโฟโตนิกส์แห่งใหม่ในประเทศไทย เพื่อยกระดับการผลิตชิปที่มีความสามารถในการประมวลผลขั้นสูงและประหยัดพลังงาน รองรับอุตสาหกรรมไฮเทคอย่าง AI ดาต้าเซ็นเตอร์ และไฟเบอร์ออปติก หนุนยุทธศาสตร์ “ชิปเมดอินไทยแลนด์” และเสริมศักยภาพอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ไทยให้ครบวงจรยิ่งขึ้น

บีโอไอดันอินฟินีออนดึง MPI เสริมซัพพลายเชนชิปครบวงจรในไทย

ลูเมนตั้มเดินหน้าขยายฐานผลิตชิปโฟโตนิกส์ในไทย

2 ตุลาคม 2568 — นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยภายหลังการหารือกับ Mr. Michael Hurlston ประธานบริษัท ลูเมนตั้ม (Lumentum) หนึ่งในผู้นำอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2568 ว่าบริษัทได้เสนอแผนขยายกำลังการผลิตและจัดตั้งศูนย์วิจัยและออกแบบชิปแห่งใหม่ในกลุ่มชิปประเภทโฟโตนิกส์ ซึ่งเป็นชิประดับสูงที่ใช้ในการส่งสัญญาณด้วยแสงและเป็นส่วนประกอบสำคัญของหน่วยประมวลผลประสิทธิภาพสูง

การขยายการลงทุนครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อรองรับความต้องการชิปในตลาดโลกที่เติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยี AI ไฟเบอร์ออปติก และดาต้าเซ็นเตอร์ ซึ่งปัจจุบันตลาดชิปโฟโตนิกส์มีมูลค่ากว่า 13,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และคาดว่าจะเติบโตเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าภายใน 5 ปี

ยกระดับไทยสู่ศูนย์กลางการผลิตและออกแบบชิปในอาเซียน

ลูเมนตั้มได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอตั้งแต่ปี 2560 ภายใต้ชื่อบริษัท ลูเมนตั้ม อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด ตั้งอยู่ที่เขตอุตสาหกรรมนวนคร จังหวัดปทุมธานี มูลค่าการลงทุนรวมกว่า 20,000 ล้านบาท ปัจจุบันจ้างงานบุคลากรไทยกว่า 6,000 คน รวมถึงวิศวกรและนักวิทยาศาสตร์กว่า 700 คน ซึ่งได้รับการพัฒนาเพื่อเข้าสู่อุตสาหกรรมชิปโฟโตนิกส์ บริษัทมีการส่งออกผลิตภัณฑ์จากประเทศไทยมูลค่ากว่า 14,000 ล้านบาทในปี 2567 และคาดว่าจะเติบโตอย่างก้าวกระโดดกว่า 2 เท่าในปีนี้

บริษัทยังมีบทบาทสำคัญในการสร้างระบบนิเวศอุตสาหกรรมชิปในประเทศไทย ด้วยการดึงซัพพลายเออร์ระดับโลกเข้ามาลงทุนในประเทศกว่า 20 ราย เสริมให้ไทยก้าวจากฐานการประกอบและทดสอบชิป ไปสู่การออกแบบและพัฒนาเทคโนโลยีชิประดับสูง

โครงการลงทุนใหม่กว่า 2,300 ล้านบาท สร้างชิปประสิทธิภาพสูง

โครงการล่าสุดของลูเมนตั้มที่ได้รับอนุมัติจากบีโอไอ เป็นการขยายโรงงานผลิตชิปแหล่งกำเนิดแสงพลังงานสูง (Ultra-High-Power Chip-on-Carrier) มูลค่าการลงทุนกว่า 2,300 ล้านบาท ชิปดังกล่าวใช้ในอุปกรณ์ที่ต้องการความแม่นยำสูง เช่น หน่วยประมวลผลสำหรับ AI (GPU) เครื่องมือแพทย์ และยานยนต์อัจฉริยะ

นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนจัดตั้งศูนย์วิจัยและออกแบบชิปโฟโตนิกส์แบบครบวงจร ซึ่งจะรวมถึงสายการผลิตต้นแบบ ห้องปฏิบัติการทดสอบความเสถียรของผลิตภัณฑ์ และการพัฒนาซอฟต์แวร์ขั้นสูง เพื่อสร้างงานด้านเทคโนโลยีให้บุคลากรไทย และร่วมมือกับมหาวิทยาลัยพัฒนาหลักสูตรเฉพาะทางด้านชิปโฟโตนิกส์

ตั้งศูนย์วิจัยและออกแบบชิปโฟโตนิกส์ สร้างบุคลากรทักษะสูงไทย

การจัดตั้งศูนย์วิจัยและออกแบบชิปโฟโตนิกส์ของลูเมนตั้มจะมีการลงทุนทั้งในสายการผลิตผลิตภัณฑ์ต้นแบบ (Prototype) ห้องปฏิบัติการทดสอบความเสถียรผลิตภัณฑ์ (Reliability Test) และซอฟต์แวร์ขั้นสูง โดยจะสร้างงานให้กับวิศวกรและบุคลากรทักษะสูงของไทย รวมทั้งจะร่วมมือกับมหาวิทยาลัยและสถาบันวิจัยของไทย เพื่อจัดทำหลักสูตรเทคโนโลยีชิปโฟโตนิกส์โดยเฉพาะ เพื่อสร้างบุคลากรรุ่นใหม่ให้รองรับอุตสาหกรรมชิปแห่งอนาคต

สำหรับประเทศไทย ถือเป็นฐานการผลิตชิปโฟโตนิกส์แห่งเดียวของบริษัทในภูมิภาคอาเซียน ความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์กับลูเมนตั้มในครั้งนี้เป็นโอกาสสำคัญที่จะช่วยให้ไทยขยับจากฐานการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์เดิม ไปสู่การผลิตชิปยุคใหม่ที่มีเทคโนโลยีและมูลค่าสูง รวมทั้งจะเป็นโอกาสในการสร้างคลัสเตอร์ชิปโฟโตนิกส์ และดึงดูดซัพพลายเออร์ระดับโลกเข้ามาในประเทศในอนาคต

หนุนเป้าหมาย “ชิปเมดอินไทยแลนด์” และขยายคลัสเตอร์อุตสาหกรรมชิป

นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ กล่าวว่า “ลูเมนตั้มถือเป็นพันธมิตรสำคัญที่ช่วยวางรากฐานอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ไทย การจัดตั้งศูนย์วิจัยและออกแบบชิปแห่งแรกในประเทศ ถือเป็นการลงทุนเชิงยุทธศาสตร์ที่สะท้อนถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพของไทย และเป็นก้าวสำคัญสู่การสร้างนวัตกรรม ‘ชิปเมดอินไทยแลนด์’ อย่างแท้จริง”

ความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์กับลูเมนตั้มครั้งนี้ จะช่วยให้ไทยขยับจากฐานการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ทั่วไป ไปสู่การผลิตชิปยุคใหม่ที่มีมูลค่าสูง พร้อมทั้งเปิดโอกาสในการสร้างคลัสเตอร์อุตสาหกรรมชิป และดึงดูดซัพพลายเออร์ระดับโลกเข้ามาในอนาคต

ภาพรวมและแนวโน้มอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ไทย

ด้วยกระแสการเติบโตของเทคโนโลยี AI และการขยายตัวของตลาดดาต้าเซ็นเตอร์ทั่วโลก การลงทุนของลูเมนตั้มในไทยจึงมีบทบาทสำคัญต่อการยกระดับซัพพลายเชนและความสามารถในการแข่งขันของประเทศในอุตสาหกรรมชิปแห่งอนาคต