เมกะเทรนด์ “ธุรกิจคาร์บอนต่่า” DITP ลงนาม MOU องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก TGO

กรมส่งเสริมการค้าฯ เซ็น MOU องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก เดินหน้าพัฒนา SMEs ตอบโจทย์เมกะเทรนด์ “ธุรกิจคาร์บอนต่ำ”

อัปเดตล่าสุด 29 พ.ย. 2565
  • Share :
  • 1,106 Reads   

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) ร่วมลงนาม MOU องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (TGO) เดินหน้าพัฒนา SMEs สร้างมูลค่าเพิ่ม ตอบโจทย์เมกะเทรนด์ “ธุรกิจคาร์บอนต่ำ” ให้ผู้ประกอบการสามารถรับการรับรอง คาร์บอนฟุ้ตพริ้นท์ มุ่งหวังสร้าง BCG Heroes โชว์ผลงานอย่างเป็นรูปธรรมและวัดผลได้ โดย ตั้งเป้าหมายช่วยลดการปล่อยคาร์บอน 3,184 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (tonCO2 e ) ในปี 2566 จากผู้ประกอบการน่าร่อง 10 ราย 

วันที่ 29 พฤศจิกายน 2565 กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) จัดกิจกรรมเสวนาและพิธีลงนามข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ว่าด้วยความร่วมมือในการส่งเสริมผู้ประกอบการในด้านการบริหารก๊าซเรือนกระจก ระหว่างกรมส่งเสริมการค้าระหว่าง ประเทศ กระทรวงพาณิชย์ และองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) โดยมีปลัดกระทรวงพาณิชย์ร่วมเป็นสักขีพยาน พร้อมทั้งเชิญผู้บริหารองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก ฑูต พาณิชย์มาร่วมถ่ายทอดทิศทางและโอกาสการเติบโตของภาคธุรกิจในตลาดต่างประเทศที่ค่านึงถึงสิ่งแวดล้อม และน่า ตัวอย่างผู้ประกอบการที่มีนโยบายการด่าเนินธุรกิจคาร์บอนต่่ามาร่วมถ่ายทอดประสบการณ  

นายกีรติ รัชโน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการเป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ว่าด้วยการส่งเสริมผู้ประกอบการในด้านการบริหารก๊าซเรือนกระจกระหว่างกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ และองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) ว่า “การลงนาม MOU ในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อผลักดัน ส่งเสริม และสนับสนุนผู้ประกอบการไทยในด้านการบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยสามารถปรับตัวและเข้าถึงการบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก การลดการปลดปล่อยคาร์บอนในการดำเนินธุรกิจ และสามารถประกอบธุรกิจได้อย่างยั่งยืนและสามารถแข่งขันด้านการค้าระหว่างประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ”

ความร่วมมือดังกล่าวได้ดำเนินการตามนโยบายของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์) สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ด้านการสร้างขีดความสามารถทางการแข่งขันด้านการค้าระหว่างประเทศของไทย โดยพัฒนาศักยภาพและส่งเสริมผู้ประกอบการไทยและส่งเสริมการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าและบริการของไทย รวมทั้งตอบโจทย์เมกะเทรนด์โลก โดยเฉพาะด้านสิ่งแวดล้อมและการทำธุรกิจคาร์บอนต่ำ รวมทั้งการตระหนักถึงความจำเป็นในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ที่ปัจจุบันทุกประเทศทั่วโลกต่างให้ความสำคัญ เพิ่มความได้เปรียบในด้านการค้าระหว่างประเทศ ลดข้อกีดกันทางการค้าในอนาคต สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้สูงขึ้น สร้างความเชื่อมั่นให้กับสินค้าและบริการของไทยให้เป็นที่ยอบรับในระดับสากล และยังช่วยสร้างคุณภาพสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับสังคมไทยและประชาคมโลก

เมกะเทรนด์ “ธุรกิจคาร์บอนต่่า” DITP ลงนาม MOU องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก TGO

นายเกียรติชาย ไมตรีวงษ์ ผู้อำนวยการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (TGO) กล่าวว่า “องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ TGO กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีภารกิจในการสนับสนุนทางเทคนิคและจัดให้มีแนวทางที่เกี่ยวข้องกับการตรวจวัด รายงาน ทวนสอบ และให้การรับรองปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การส่งเสริมให้เกิดการลดและการชดเชยคาร์บอน ยินดีให้ความร่วมมือเพื่อส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพ ตลอดจนให้คำแนะนำเกี่ยวกับการจัดการก๊าซเรือนกระจกแก่กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ในการเป็นองค์กรหลักในสนับสนุนการขับเคลื่อนให้เกิดการลดก๊าซเรือนกระจก เพื่อให้ประเทศไทยมุ่งสู่เศรษฐกิจสังคมคาร์บอนต่ำอย่างยั่งยืน”

ด้าน นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวเพิ่มเติมว่า ภารกิจหลักของ DITP คือการส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ขยายช่องทางการค้า รวมทั้งพัฒนาและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าและบริการ เพื่อผลักดันให้ผู้ส่งออกไทยเปิดตลาดต่างประเทศ สามารถแข่งขันและรักษาตลาดต่างประเทศได้อย่างยั่งยืน พร้อมกันนี้ รัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน โดยกำหนดให้ Bio-Circular-Green Economy เศรษฐกิจชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจสีเขียว หรือ BCG Model เป็นโมเดลเศรษฐกิจใหม่และเป็นวาระแห่งชาติ เพื่อยกระดับการพัฒนาอุตสาหกรรมให้สามารถแข่งขันได้อย่างยั่งยืน

“กรมจึงได้เร่งดำเนินการทั้งในด้านพัฒนาและส่งเสริมผู้ประกอบการ โดยสร้างผู้ประกอบการนำร่อง ที่เรียกว่า BCG Heroes และส่งเสริม SMEs รายใหม่ ๆ ให้สามารถนำความรู้ เทคโนโลยีและนวัตกรรม ผลักดันให้เกิดการยกระดับประสิทธิภาพการผลิต ลดความสูญเสียในกระบวนการผลิตให้เป็นศูนย์ การหมุนเวียนทรัพยากรกลับมาใช้ หรือ การนำไปสร้างมูลค่าเพิ่มตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน

อาทิ โครงการ DEsign from Waste of Agriculture and Industry พัฒนาผลผลิตเหลือใช้ทางการเกษตรและอุตสาหกรรมเพื่อแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์เชิงสร้างสรรค์สู่ตลาดสากล (DEWA & DEWI) และโครงการล่าสุดนี้ คือ โครงการเสริมสร้างศักยภาพและส่งเสริมผู้ประกอบการไทยสู่ความยั่งยืน (BCG Heroes to Low Carbon Pioneers)

โดยให้ความรู้และฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการด้านการลดการปลดปล่อยคาร์บอนในวัฏจักรผลิตภัณฑ์ และไปสู่การขอรับรองคาร์บอนฟุ้ตพริ้นท์ต่อไป มุ่งเน้นการยกระดับผู้ประกอบการไทยเตรียมความพร้อมด้านการค้า สร้างการรับรู้ให้กับผู้ประกอบการเข้าใจถึงความสำคัญและประโยชน์ของการดำเนินธุรกิจแบบคาร์บอนต่ำ ผลการจัดกิจกรรมนี้ ได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี

ซึ่งในวันนี้ ได้มีตัวอย่างผู้ประกอบการ BCG Heroes 10 ราย ที่เริ่มลงมือปฏิบัติและจัดทำแผนลดการปลดปล่อยคาร์บอนในตัวสินค้ามาจัดแสดงในวันนี้ด้วย ซึ่งในปัจจุบัน (ปี 2565) 10 สินค้าจากทั้งสิบรายนี้ ได้ประเมินการปล่อยคาร์บอน รวมทั้งปี 9,696,467 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (KgCO2 e )โดยตั้งเป้าหมายที่ท้าทาย ภายในสิ้นปี 2566 ผู้ประกอบการทั้งสิบราย จะสามารถลดการปล่อยคาร์บอนจากเดิม เฉลี่ยร้อยละ 20 – 50 คาดว่าจะสามารถเป็นส่วนหนึ่งในการลดการปล่อยคาร์บอน 3,183,805 KgCO2 e ในปี 2566 จากผู้ประกอบการนำร่อง 10 ราย”

ภายในงานยังมีการบรรยายในหัวข้อต่างๆ อาทิ “ประเทศไทยกับการก้าวสู่สังคมคาร์บอนต่ำเส้นทางสู่ Carbon Footprint และ Net Zero” โดย นายเกียรติชาย ไมตรีวงษ์ ผู้อำนวยการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก “ทิศทางและโอกาสการเติบโตที่ยั่งยืนของภาคธุรกิจในตลาดต่างประเทศ” โดย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (นิวยอร์ก/ลอนดอน/ซิดนีย์/โซล) “คาร์บอนฟุตพรินต์” โดยองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) และการเสวนา“Success Stories” บริษัทที่ได้การรับรองคาร์บอนฟุ้ตพริ้นท์ อาทิ บริษัท ฮิลล์คอฟฟ์ จำกัด บริษัท โซไนต์ อินโนเวทีฟ บริษัท แอร์โรเฟลกซ์ จำกัด และบริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน)

“ผลสำเร็จจากการส่งเสริมผู้ประกอบการ BCG Heroes 50 รายในปี 2565 นี้ สร้างมูลค่าการเจรจาการค้า ผ่านกิจกรรมในตลาดเป้าหมาย ได้แก่ สหราชอาณาจักร ญี่ปุ่น เกาหลี ออสเตรเลีย และ Online Business Matching คิดเป็นมูลค่ารวม 74.49 ล้านบาท และการส่งเสริมการค้าสินค้ากลุ่ม BCG ผ่านกิจกรรมกรม สามารถสร้างมูลค่าการเจรจาการค้ากว่า 5,000 ล้านบาท จากกิจกรรมกว่า 60 กิจกรรม” อธิบดีภูสิต กล่าวปิดท้าย

ทั้งนี้ ภายในปี 2567 กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ มีเป้าหมายในการส่งเสริมผู้ประกอบการส่งออกสร้างความเข้มแข็งทางการค้าและสร้างมูลค่าเพิ่มด้วยเครื่องมือทางการตลาด อีกทั้งสร้างผู้ประกอบการ BCG Heroes กว่า 200 ราย และผลักดันให้เป็นผู้ประกอบการที่ดำเนินธุรกิจคาร์บอนต่ำ “BCG Low Carbon Pioneers” สามารถลดการปล่อยคาร์บอนอย่างเป็นรูปธรรม 30 – 40 ราย ผู้ประกอบการที่สนใจเข้าร่วมเป็น BCG Heroes และต้องการดำเนินธุรกิจคาร์บอนต่ำ สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สำนักส่งเสริมนวัตกรรมและสร้างมูลค่าเพิ่มเพื่อการค้า กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ www.ditp.go.th สายตรงการค้าระหว่างประเทศโทร. 1169

 

บทความยอดนิยม 10 อันดับ

 

อัปเดตข่าวทุกวันที่นี่ www.mreport.co.th   

Line / Facebook / Twitter / YouTube @MreportTH