อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยเตรียมผงาด ตั้งเป้าใหญ่ศูนย์กลางการผลิตและส่งออกยานยนต์ในภูมิภาคอาเซียน

ไทยเตรียมผงาด ตั้งเป้าใหญ่ "ฮับผลิต-ส่งออก" ยานยนต์อาเซียน

อัปเดตล่าสุด 8 มี.ค. 2564
  • Share :
  • 640 Reads   

“สุริยะ” มั่นใจอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยผงาดหลัง 10 ประเทศอาเซียนบรรลุข้อตกลงยอมรับร่วมผลการตรวจสอบและรับรอง ตั้งเป้าเป็นศูนย์กลางการผลิตและส่งออกยานยนต์ในภูมิภาคอาเซียน ชี้ปีนี้คึกคัก หลัง เกรท วอลล์ มอเตอร์ รถยนต์สัญชาติจีนได้มาตรฐานยูโร 4 จาก สมอ. เตรียมออกแคมเปญในงานมอเตอร์โชว์มีนาคมนี้ 

 

นายสุริยะ  จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า รัฐบาลและกระทรวงอุตสาหกรรมมีนโยบายส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตอุตสาหกรรมยานยนต์ที่สำคัญของโลก ส่งเสริมให้มีการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ ให้สอดรับกับแนวโน้มของเทคโนโลยียานยนต์ในอนาคต ประหยัดพลังงาน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตลอดจนมีมาตรฐานเพื่อคุ้มครองความปลอดภัยประชาชนและส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ล่าสุดกระทรวงอุตสาหกรรม โดย สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ซึ่งเป็นผู้แทนประเทศไทย ได้บรรลุข้อตกลงร่วมกันในการยอมรับร่วมผลการตรวจสอบและรับรองผลิตภัณฑ์ยานยนต์ของอาเซียน โดยได้ลงนามในข้อตกลงครบทั้ง 10 ประเทศ เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2564 ซึ่งประเทศไทยจะได้รับประโยชน์จากข้อตกลงนี้เป็นอย่างมาก เพราะอุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์และชิ้นส่วนของไทยมีความพร้อมในหลายด้าน และเป็นผู้นำในการผลิตและส่งออกผลิตภัณฑ์ยานยนต์ในภูมิภาคอาเซียน รวมทั้งมีโครงสร้างพื้นฐานด้านการตรวจสอบรับรองที่มีความพร้อม เช่น สถาบันยานยนต์ และศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ (ATTRIC) หากศูนย์ทดสอบยานยนต์ฯ ซึ่งเป็นสนามทดสอบแห่งแรกในอาเซียนก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมให้บริการ จะยิ่งเสริมความแข็งแกร่งให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์เพิ่มขึ้นไปอีก และด้วยศักยภาพของประเทศไทย ทำให้นักลงทุนจากประเทศเพื่อนบ้านจับตามอง ดังเช่นที่ บริษัท เกรท วอลล์ มอเตอร์ แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตและส่งออกรถยนต์สัญชาติจีนได้เข้ามาตั้งฐานการผลิตยานยนต์อย่างเต็มรูปแบบในประเทศไทยที่นิคมอุตสาหกรรม อีสเทิร์นซีบอร์ด จังหวัดระยอง โดยประสบความสำเร็จได้รับใบอนุญาตแสดงเครื่องหมายมาตรฐาน มอก. สำหรับรถยนต์รุ่น HAVAL H6 และเตรียมเปิดตัวในเร็วๆ นี้ ซึ่งคาดว่าในปีนี้อุตสาหกรรมยานยนต์จะกลับมาคึกคักอีกครั้ง  

“ปีนี้อุตสาหกรรมยานยนต์จะขยายตัวเพิ่มขึ้น หลังภาครัฐผ่อนปรนมาตรการป้องกันโควิด-19 คาดว่าจะมีการผลิตรถยนต์ประมาณ 1,500,000 คัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 28.57 โดยเป็นการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ ประมาณร้อยละ 40-45 และการผลิตเพื่อการส่งออกประมาณร้อยละ 55-60 ประกอบกับในเดือนมีนาคมนี้จะมีงานมหกรรมยานยนต์ คาดว่ายอดจำหน่ายรถยนต์ในประเทศไทยจะเพิ่มขึ้น จากการออกรถยนต์รุ่นใหม่และการส่งเสริมการขายของผู้จำหน่ายภายในงาน” นายสุริยะฯ กล่าว

นายวันชัย  พนมชัย เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัท เกรท วอลล์ มอเตอร์ แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้ผลิตและส่งออกรถยนต์สัญชาติจีน ที่เล็งเห็นศักยภาพของประเทศไทย ได้เข้ามาตั้งฐานการผลิตรถยนต์ที่นิคมอุตสาหกรรม อีสเทิร์นซีบอร์ด จังหวัดระยอง เมื่อปี 2562 หลังจากที่บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศยุติการผลิตและจัดจำหน่ายรถยนต์ในประเทศไทย ด้วยเงินลงทุนกว่า 22,600 ล้านบาท และมีกำลังการผลิต 80,000 คันต่อปี ซึ่งนอกจากจะช่วยให้เกิดการจ้างงานสร้างรายได้ให้กับคนไทยกว่า 8,000 คนแล้ว ยังช่วยพัฒนาทักษะและเทคโนโลยีในด้านต่างๆ ให้กับคนไทย ให้สามารถรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยเฉพาะยานยนต์ไฟฟ้าได้ดียิ่งขึ้นด้วย คาดว่าภายในระยะเวลา 5 ปี จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสร้างรายได้ให้ประเทศไทยเป็นมูลค่ากว่า 3 แสนล้านบาท โดยตั้งเป้าหมายที่จะให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตและส่งออกยานยนต์ในภูมิภาคอาเซียน

“นับเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่บริษัท เกรท วอลล์ มอเตอร์ แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด ได้รับใบอนุญาตแสดงเครื่องหมายมาตรฐาน มอก. 2540-2554 รถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์แบบจุดระเบิดด้วยประกายไฟ เฉพาะด้านความปลอดภัย: สารมลพิษจากเครื่องยนต์ ระดับที่ 8 หรือยูโร 4 (EURO 4) จาก สมอ. สำหรับรถยนต์รุ่น HAVAL H6 เป็นรถยนต์ที่ สมอ. ควบคุมปริมาณสารมลพิษที่ปล่อยออกมาจะไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้รถยนต์รุ่นดังกล่าวได้ผสานเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยกับกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พร้อมจะเปิดตัวในงานมอเตอร์โชว์ในเดือนมีนาคมนี้ และคาดว่าน่าจะทำให้ตลาดรถยนต์ในปีนี้คึกคักกว่าที่ผ่านมา” เลขาธิการ สมอ. กล่าวทิ้งท้าย