รถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่สำเร็จรูป, มาตรการภาษีรถยนต์ไฟฟ้า ราชกิจจา กระทรวงการคลัง

ราชกิจจาฯ ประกาศ ลดอากรนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้า BEV 40% มีผลตั้งแต่วันนี้ - ถึงสิ้นปี' 66

อัปเดตล่าสุด 5 พ.ค. 2565
  • Share :
  • 3,597 Reads   

ราชกิจจาฯ เผยแพร่ประกาศกระทรวงการคลังเรื่อง การลดอัตราอากรและยกเว้นอากรศุลกากร 40% สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่สำเร็จรูป (Battery Electric Vehicle : BEV) ที่นำเข้ามาทั้งคัน ในราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท มีผลตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงสิ้นปี 2566

เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2565 ที่ผ่านมา เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศกระทรวงการคลังเรื่อง การลดอัตราอากรและยกเว้นอากรศุลกากรสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่สำเร็จรูปที่นำเข้ามาทั้งคัน โดยระบุว่า เพื่อประโยชน์แก่การเศรษฐกิจของประเทศ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๒ วรรคหนึ่งแห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. ๒๕๓๐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้

ข้อ ๑ ในประกาศนี้

“รถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่สำเร็จรูป” หมายความว่า รถยนต์นั่งหรือรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกินสิบคนแบบพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ (Battery Electric Vehicle : BEV) ซึ่งประกอบสำเร็จรูปและนำเข้ามาทั้งคัน (Completely Built Up : CBU)

ข้อ ๒ ให้ลดอัตราอากรหรือยกเว้นอากรสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่สำเร็จรูปที่นำเข้าตั้งแต่วันที่ประกาศนี้ใช้บังคับถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ดังต่อไปนี้

(๑) รถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่สำเร็จรูปที่มีราคาขายปลีกแนะนำไม่เกินสองล้านบาทให้ได้รับการลดอัตราอากรหรือยกเว้นอากร ดังต่อไปนี้

(ก) ผู้นำของเข้าที่ใช้สิทธิพิเศษทางอากรศุลกากรภายใต้ความตกลงการค้าเสรีแล้ว ยังมีอัตราอากรที่ต้องชำระไม่เกินร้อยละสี่สิบ ให้ได้รับการยกเว้นอากร

(ข) ผู้นำของเข้าที่ใช้สิทธิพิเศษทางอากรศุลกากรภายใต้ความตกลงการค้าเสรีแล้ว ยังมีอัตราอากรที่ต้องชำระมากกว่าร้อยละสี่สิบ ให้ได้รับการลดอัตราอากรลงอีกร้อยละสี่สิบ

(ค) ผู้นำของเข้าที่ไม่ได้ใช้สิทธิพิเศษทางอากรศุลกากรภายใต้ความตกลงการค้าเสรี ให้ได้รับการลดอัตราอากรลงเหลือร้อยละสี่สิบ

(๒) รถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่สำเร็จรูปที่มีขนาดตั้งแต่ ๓๐ กิโลวัตต์ชั่วโมงขึ้นไปและมีราคาขายปลีกแนะนำมากกว่าสองล้านบาทแต่ไม่เกินเจ็ดล้านบาท ให้ได้รับการลดอัตราอากรหรือ ยกเว้นอากร ดังต่อไปนี้

(ก) ผู้นำของเข้าที่ใช้สิทธิพิเศษทางอากรศุลกากรภายใต้ความตกลงการค้าเสรีแล้ว ยังมีอัตราอากรที่ต้องชำระไม่เกินร้อยละยี่สิบ ให้ได้รับการยกเว้นอากร

(ข) ผู้นำของเข้าที่ใช้สิทธิพิเศษทางอากรศุลกากรภายใต้ความตกลงการค้าเสรีแล้ว ยังมีอัตราอากรที่ต้องชำระมากกว่าร้อยละยี่สิบ ให้ได้รับการลดอัตราอากรลงอีกร้อยละยี่สิบ

(ค) ผู้นำของเข้าที่ไม่ได้ใช้สิทธิพิเศษทางอากรศุลกากรภายใต้ความตกลงการค้าเสรี ให้ได้รับการลดอัตราอากรลงเหลือร้อยละหกสิบ

ข้อ ๓ การลดอัตราอากรหรือยกเว้นอากรตามข้อ ๒ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไข ดังต่อไปนี้

(๑) ผู้นำของเข้าตามข้อ ๒ (๑) ต้องแสดงหนังสือรับรองการแสดงการได้รับสิทธิจากกรมสรรพสามิต (ยฟ. ๐๑ - ๐๒/๑)

(๒) ผู้นำของเข้าตามข้อ ๒ (๒) ต้องแสดงหนังสือรับรองการแสดงการได้รับสิทธิจากกรมสรรพสามิต (ยฟ. ๐๑ - ๐๒/๒)

ข้อ ๔ ในกรณีที่ผู้นำของเข้าไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขที่กรมสรรพสามิตกำหนด และกรมสรรพสามิตได้แจ้งเพิกถอนหนังสือรับรองการแสดงการได้รับสิทธิสำหรับของใดกับกรมศุลกากรแล้ว ให้ถือว่าของนั้นไม่ได้รับสิทธิลดอัตราอากรหรือยกเว้นอากรตามประกาศนี้ตั้งแต่วันนำของเข้า และผู้นำของเข้ามีหน้าที่ต้องแจ้งขอชำระค่าภาษีอากรตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากรและกฎหมายอื่น ที่เกี่ยวข้องภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ถูกเพิกถอนสิทธิ และต้องชำระค่าภาษีอากรให้เสร็จสิ้นภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งจำนวนเงินค่าภาษีอากร แต่ไม่ถูกตัดสิทธิพิเศษทางอากรศุลกากรในการลดอัตราอากรหรือยกเว้นอากรตามความตกลงการค้าเสรีที่ได้ยื่นไว้ในขณะนำของเข้า

ข้อ ๕ ผู้นำของเข้าต้องปฏิบัติตามพิธีการที่อธิบดีกรมศุลกากรประกาศกำหนด

ข้อ ๖ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

ประกาศ ณ วันที่ 22 เมษายน พ.ศ. ๒๕๖ อาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

 

อ่านข่าวรถยนต์ไฟฟ้า

 

บทความยอดนิยม 10 อันดับ

 

อัปเดตข่าวทุกวันที่นี่ www.mreport.co.th   

Line / Facebook / Twitter / YouTube @MreportTH