6 เมกะเทรนด์ เปลี่ยนโลกธุรกิจในอีก 3 ปี แนะอุตสาหกรรมปรับตัวให้ทัน, กระทรวงอุตสาหกรรม, Digitalization

ก.อุตฯ เผย 6 เมกะเทรนด์ เปลี่ยนโลกธุรกิจในอีก 3 ปี แนะอุตสาหกรรมปรับตัวให้ทัน

อัปเดตล่าสุด 4 ม.ค. 2566
  • Share :
  • 3,412 Reads   

กระทรวงอุตสาหกรรม หรือ MIND แนะผู้ประกอบการปรับตัวรับ 6 เมกะเทรนด์เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจ พร้อมพุ่งเป้าปรับโครงสร้างการผลิตสู่เศรษฐกิจฐานนวัตกรรม ภายใต้แนวคิด “Industry 4.0” ที่ขับเคลื่อนด้วยองค์ความรู้และเทคโนโลยีขั้นสูง มีความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม ที่จะช่วยเพิ่มมูลค่าสินค้า และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่ออุตสาหกรรมไทยพร้อมเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคง และยั่งยืน  

เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2565 นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม หรือ MIND เผย 6 เมกะเทรนด์ที่จะเข้ามามีบทบาทในการดำเนินธุรกิจในอีก 3 ปีข้างหน้า ผู้ประกอบการควรพัฒนาสินค้าและบริการให้สอดคล้องกับ เมกะเทรนด์และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป เพื่อสร้างโอกาสการเติบโตทางธุรกิจ ซึ่งแบ่งเป็น 3 แนวทาง โดยแนวทางแรก คือ 2 เทรนด์ต้องเร่งทำ ได้แก่ 1) Digitalization หรือระบบเศรษฐกิจดิจิทัล ทุกธุรกิจต้องปรับตัวให้ทันกับการค้าในรูปแบบออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ เนื่องจากตลาดสินค้าและบริการในปัจจุบันกลายเป็น "ตลาดของผู้บริโภค" ที่ผู้บริโภคสามารถเลือกซื้อสินค้าได้อย่างรวดเร็ว ส่งผลให้สินค้ามีการหมุนเวียนเร็วขึ้น ผู้ประกอบการจึงต้องปรับตัว นำสินค้าเข้าสู่หน้าร้านออนไลน์ให้ไว ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการความรวดเร็ว และ 2) Globalization หรือโลกาภิวัตน์ ที่เชื่อมโยงทุกสรรพสิ่งเข้าด้วยกัน เป็นโอกาสและความท้าทายที่ทุกธุรกิจต้องเผชิญ ผู้ประกอบการควรศึกษาการเข้าสู่ตลาดแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างประเทศเพื่อเพิ่มโอกาสเติบโตและขยายตลาดให้กว้างขึ้น พร้อมบริหารจัดการความเสี่ยง ควบคุมปัจจัยการผลิตอย่างระมัดระวัง

แนวทางที่ 2 คือ 2 เทรนด์ต้องเร่งเสริม ได้แก่ 1) New Technologies ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ทั้งทางด้านเทคโนโลยีการส่งผ่านข้อมูลดิจิทัล และเทคโนโลยีการประหยัดพลังงานและสิ่งแวดล้อม ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกให้การทำธุรกิจมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งความรวดเร็ว แม่นยำ ซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบการประหยัดงบประมาณได้มากขึ้น และ 2) Collaborative Business Models การผสานความร่วมมือทางธุรกิจ เพื่อความยั่งยืนของธุรกิจ การร่วมมือและช่วยเหลือพึ่งพากันเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยกระจายความเสี่ยงและผลกำไรของกิจการระหว่างกันเป็นกลุ่มก้อนซึ่งจะส่งผลดีต่อทุกภาคส่วน

และแนวทางที่ 3 คือ 2 เทรนด์ต้องเร่งตระหนัก ได้แก่ 1) Aging Societies หรือสังคมผู้สูงวัย จากข้อมูลขององค์การสหประชาชาติ (UN) คาดการณ์ว่าปี 2593 ผู้สูงอายุทั่วโลกจะเพิ่มขึ้น 2 เท่าตัวจากปัจจุบัน เป็นตัวเลขมากกว่า 3,400 ล้านคน คิดเป็น 30 % ของประชากรโลก ภาคธุรกิจไม่ควรละเลยโอกาสทางการตลาดที่ตอบโจทย์กลุ่มผู้สูงอายุ หรือกลุ่มชี้นำการบริโภค ซึ่งเป็นกลุ่มคนวัยทำงาน ลูกหลานที่มีอำนาจในการตัดสินใจซื้อสินค้าเพื่อผู้สูงอายุมากขึ้น และ 2) BCG Economy บีซีจี โมเดล เทรนด์ธุรกิจใหม่ที่ผู้ประกอบการควรพัฒนาสินค้าและบริการ รวมทั้งวางเป้าหมายการทำธุรกิจให้เติบโตควบคู่ไปกับการปกป้องสิ่งแวดล้อม และลดปัญหาโลกร้อนไปพร้อมกัน ซึ่งโมเดลธุรกิจนี้จะได้รับการตอบรับทั้งทางตรงโดยการสนับสนุนจากทางภาครัฐ และทางอ้อมจากความตื่นตัวของผู้บริโภคเรื่องการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ส่งเสริมให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน

กระทรวงอุตสาหกรรม หรือ MIND พร้อมผลักดันและส่งเสริมผู้ประกอบการทุกธุรกิจให้สามารถร่วมเดินทางไปตามเทรนด์ของภาคอุตสาหกรรม ดังนั้น หากภาคธุรกิจต้องการสร้างโอกาสในการเติบโตและประสบความสำเร็จ จำเป็นต้องมีการปรับตัวเข้าหาเทรนด์ใหม่ ๆ เสมอ ซึ่ง 6 เมกะเทรนด์ข้างต้น จะเข้ามาบทบาทในการเปลี่ยนแปลงการดำเนินธุรกิจไทยใน 3 ปีข้างหน้า เป็นความท้าทายที่ผู้ประกอบการต้องตระหนักและปรับเปลี่ยนการผลิตสินค้าและบริการให้สอดคล้องกับเมกะเทรนด์ที่เกิดขึ้นเพื่อสร้างความเติบโตทางธุรกิจไปพร้อมกับการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทย นายสุริยะ กล่าวทิ้งท้าย

 

บทความยอดนิยม 10 อันดับ

 

อัปเดตข่าวทุกวันที่นี่ www.mreport.co.th   

Line / Facebook / Twitter / YouTube @MreportTH