กสอ. มอบรางวัลอุตสาหกรรมต้นแบบดีเด่น ประจำปี 2561 ยกย่องเอสเอ็มอีที่ประสบความสำเร็จตามมาตรฐานสากล

อัปเดตล่าสุด 8 ก.ค. 2561
  • Share :
  • 365 Reads   

เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2561  กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) โดยกองพัฒนาขีดความสามารถธุรกิจอุตสาหกรรม จัดสัมมนาสรุปผลการดำเนินโครงการสร้างและเชื่อมโยงเครือข่ายคลัสเตอร์อุตสาหกรรมแห่งอนาคต และมอบรางวัลแก่กลุ่มอุตสาหกรรมต้นแบบดีเด่นประจำปี 2561 เพื่อเผยแพร่ผลงาน ของกลุ่มอุตสาหกรรมแห่งอนาคตที่ประสบความสำเร็จในการพัฒนาการรวมกลุ่ม และมีการเติบโตทางธุรกิจตามโมเดลประเทศไทย 4.0 ที่กำหนดทิศทางการขับเคลื่อน การลงทุน การผลิตและการบริการให้ก้าวสู่ธุรกิจอุตสาหกรรมแห่งอนาคต (New S-Curve)

นายเดชา จาตุธนานันท์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ในยุคอุตสาหกรรม 4.0 ส่งผลให้ความสำเร็จของธุรกิจต้องพึ่งพาองค์ประกอบหลายด้าน และจำเป็น   ต้องปรับเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจจากเดิมที่ขับเคลื่อนด้วยการพัฒนาประสิทธิภาพการผลิตภาคอุตสาหกรรม ไปสู่เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม (Innovation Drive Economy) เพื่อให้การพัฒนาอุตสาหกรรมเป็นไปอย่างต่อเนื่องมุ่งเน้นพัฒนาต่อยอดอุตสาหกรรมเดิม (Frist S-Curve) ที่มีศักยภาพและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ปัจจัยผลิตในอุตสาหกรรมแห่งอนาคต (New S-Curve) โดยอุตสาหกรรมใหม่หรืออุตสาหกรรมแห่งอนาคตนี้ถือเป็นกลไกสำคัญของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจเพื่ออนาคต (New Engine of Growth) ภายใต้การส่งเสริมและสนับสนุนการเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันและการพัฒนาเศรษฐกิจอุตสาหกรรมของประเทศที่มุ่งพัฒนาการรวมกลุ่มอุตสาหกรรมควบคู่กับการพัฒนาปัจจัยแวดล้อมที่เอื้อต่อการประกอบการ เพื่อเป็นรากฐานในการรองรับการรวมกลุ่มอุตสาหกรรมในอนาคต

“หัวใจของการพัฒนาคลัสเตอร์ คือ การสร้างความร่วมมือบนพื้นฐานของความไว้เนื้อเชื่อใจ โดยผู้ที่เกี่ยวข้องในเครือข่ายคลัสเตอร์จะต้องมีความไว้วางใจ ความเชื่อมั่นระหว่างสมาชิกในกลุ่มมีการประสานแบ่งปันผลประโยชน์ที่ยุติธรรมอันก่อให้เกิดความพึงพอใจแก่ทุกฝ่าย (Win-Win) ร่วมกันวางแผน กำหนดทิศทาง เป้าหมาย และกลยุทธ์การพัฒนากลุ่ม มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร องค์ความรู้  ตลอดจนทรัพยากรต่าง ๆ ระหว่างกัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตโดยรวมของธุรกิจในสาขาอุตสาหกรรมนั้น ๆ โดยมีหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน สถาบันการศึกษา สถาบันการเงิน ตลอดจนหน่วยงานวิจัยต่าง ๆ ให้การส่งเสริมสนับสนุนความเข้มแข็งและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ผ่านองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี นวัตกรรม และดิจิทัล เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน ตลอดจนผลักดันเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตก้าวไปสู่ประเทศที่มีศักยภาพและสามารถแข่งขันได้ในระดับสากล” นายเดชา กล่าว

รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับโครงการสร้างและเชื่อมโยงเครือข่าย คลัสเตอร์อุตสาหกรรมแห่งอนาคต กสอ. มุ่งหวังสร้างความเข้มแข็งและเชื่อมโยงเครือข่ายคลัสเตอร์ในการพัฒนาศักยภาพหรือการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ในกระบวนการผลิตหรือสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ ทำให้ผลิตภาพเพิ่มขึ้นสามารถแข่งขันได้ โดยในปี 2561 ได้ดำเนินการพัฒนาอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงและเป็นอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าเพิ่มสูง จำนวน 8 กลุ่ม ก่อให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจรวมกว่า 618 ล้านบาท  ประกอบด้วย ยอดขายเพิ่มขึ้น 517 ล้านบาท ส่งออกเพิ่มขึ้น 70 ล้านบาท ลดต้นทุน17 ล้านบาท รวมถึงลดการสูญเสียและเกิดนวัตกรรมต้นแบบด้านผลิตภัณฑ์หรือกระบวนการ จำนวน 12 เรื่อง จาก 8 กลุ่ม อาทิ 1.อุตสาหกรรมยานยนต์แห่งอนาคต ผลงานนวัตกรรมคือ Manufacturing Execution System (MES) ระบบการคำนวณที่ใช้ในการผลิต โดยทำงานในรูปแบบ Real time ทำให้สามารถควบคุมองค์ประกอบต่าง ๆ ในการผลิตได้ในเวลาเดียวกัน 2.อุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ ผลงานนวัตกรรมคือ วัสดุทดแทนกระดูกมนุษย์ในงานทันตกรรม อุตสาหกรรมดิจิทัล จ.เชียงใหม่ ผลงานนวัตกรรมคือ Application จัดการระบบภายใน Chiang Mai Digital Hub เป็นต้น 

ทั้งนี้ ภายใต้โครงการฯ ยังจัดให้มีการประกวดกลุ่มต้นแบบอุตสาหกรรมดีเด่น โดยพิจารณาคัดเลือกจาก 8 กลุ่มคลัสเตอร์อุตสาหกรรมแห่งอนาคต ซึ่งใช้หลักเกณฑ์พิจารณา 2 เรื่อง คือ ความเข้มแข็งของการรวมกลุ่ม และการพัฒนาเพื่อการเติบโตทางธุรกิจ เพื่อผลักดันความร่วมมือเป็นการยกย่อง แก่กลุ่มอุตสาหกรรมที่ประสบความสำเร็จในการพัฒนาตามแนวทางคลัสเตอร์ที่สามารถวัดได้อย่างเป็นรูปธรรม และสามารถเป็นตัวอย่างที่ดีให้แก่กลุ่มอุตสาหกรรมอื่น รวมทั้งก่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ถ่ายทอดสู่กลุ่มอุตสาหกรรมอื่น ๆ และเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ผลการพัฒนากลุ่มอุตสาหกรรม Show Case ที่เข้าร่วมโครงการดังกล่าว ถือเป็นการสร้างแรงผลักดันให้ทุกกลุ่มมุ่งมั่นที่จะพัฒนาขับเคลื่อนกลุ่มอุตสาหกรรมให้ดียิ่งขึ้น และเป็นอีกหนึ่งกำลังสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมของประเทศให้มีขีดความสามารถทางการแข่งขันต่อไป