นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ได้หารือกับ 4 หน่วยงาน คือ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เพื่อจัดทำมาตรการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) เข้าไปมีส่วนเชื่อมโยงกับอุตสาหกรรมเป้าหมาย (S-Curve) ให้ครบทั้ง 10 กลุ่ม ภายใน 2 สัปดาห์ หรือประมาณต้นเดือนพ.ย.นี้

และในช่วงเดียวกัน กระทรวงฯ เตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.)อนุมัติแผนพัฒนาอุตสาหกรรมเศรษฐกิจชีวภาพ (Bio Economy) ซึ่งจะรวมไปถึงไบโอชีวภาพ เคมีชีวภาพ เชื้อเพลิง เป็นต้นเพื่อต่อยอดสินค้าเกษตร ซึ่งล่าสุดเอกชนได้เสนอที่จะพัฒนาในจังหวัดขอนแก่น

“อุตสาหกรรมเป้าหมาย S-Curve จำเป็นต้องมีผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) เข้าไปเป็นกลไกสำคัญ ซึ่งทางกระทรวงฯ อยู่ระหว่างหารือ เช่น นำอีคอมเมิร์ซลงไปสู่ชุมชน ตลาดประชารัฐดึงมาเชื่อมกัน จะวางรากฐานไว้ในรัฐบาลนี้เพื่อให้รัฐบาลต่อไปสานต่อ”

นายอุตตม กล่าวเพิ่มเติมในงานสัมมนาสมาคมการค้าประจำปี 2560 ในหัวข้อแนวทางการพัฒนากลุ่มธุรกิจให้สอดคล้องกับ S-Curve เพื่อมุ่งสู่ Thailand 4.0″ ว่า การที่ประเทศไทยจะเดินหน้าไปสู่การพัฒนาและแข่งขันได้ในอนาคตที่เปลี่ยนแปลงไป จำเป็นต้องร่วมมือกับภาคเอกชนเพื่อชี้นำ ขณะที่รัฐจะวางแนวทางและยุทธศาสตร์ให้เป็นโรดแมป

ภายใต้ 3 มิติ คือ 1. การเชื่อมโยง โดยใช้โครงสร้างพื้นฐาน ผลักดันการลงทุนและส่งออกต่างประเทศ 2.ความร่วมมือ ทั้งกับเอกชน ต่างชาติเพื่อนำเทคโนโลยีมาพัฒนาให้สามารถแข่งขันได้ 3.การแข่งขันด้านการค้าการลงทุน ภายใต้รูปแบบใหม่ที่ซับซ้อนขึ้น ใช้ความเร็วในการพัฒนาสินค้าบริการอย่าง Internet เช่น รูปแบบธุรกิจใหม่ (Business Modal) อย่าง อูเบอร์ การค้าขายออนไลน์ เป็นต้น

นายสนั่น อังอุบลกุล รองประธานกรรมการ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สมาคมการค้ามีสมาชิกจำนวนมากถึง 40,000 ราย มีแผนจะให้รายใหญ่เข้ามาช่วย SMEs รายเล็ก เพื่อผลักดันให้มีการลงทุนและค้าขายในต่างประเทศมากขึ้น และยอมรับว่ารัฐบาลชุดนี้ใช้เวทีของประชารัฐเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเศรษฐกิจได้มากกว่าในอดีต

Source: ประชาชาติธุรกิจ

https://www.prachachat.net/economy/news-55759