ก.อุตฯ เด้งรับนโยบายรัฐ กรอ. คืบหน้าถ่ายโอนภารกิจดูแลโรงงานให้ท้องถิ่น 2.2 พันแห่งในปี 63

ก.อุตฯ เด้งรับนโยบายรัฐ กรอ. คืบหน้าถ่ายโอนภารกิจดูแลโรงงานให้ท้องถิ่น 2.2 พันแห่งในปี 63

อัปเดตล่าสุด 9 ต.ค. 2563
  • Share :
  • 451 Reads   

กระทรวงอุตสาหกรรม ขานรับนโยบายรัฐบาล เดินหน้าถ่ายโอนภารกิจดูแลโรงงานให้ท้องถิ่น หวังกระจายอำนาจการควบคุมดูแลกิจการในพื้นที่ ด้าน กรอ. โชว์ผลงานปี 2563 ลุยถ่ายโอนโรงงานเข้าข่ายไปแล้ว 2,200 แห่ง พร้อมจัดทัพเสริมแกร่งสร้างความรู้ เติมความเข้าใจขอบเขตการบังคับใช้กฎหมาย ช่วยเพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถท้องถิ่น 

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า การถ่ายโอนภารกิจดูแลโรงงานของกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) และสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ได้แก่ กรุงเทพมหานคร เทศบาล และเมืองพัทยานั้น เป็นไปตามเจตนารมณ์และหลักการของพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) โรงงาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2562 และ พ.ร.บ. โรงงาน (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2562 และสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล ในการกระจายอำนาจการบริหารในส่วนที่จำเป็นแก่ท้องถิ่น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารงาน และดูแลประชาชน ซึ่งภารกิจดังกล่าวเป็นหน้าที่โดยตรงของกระทรวงอุตสาหกรรม โดยกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) และสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด ภายใต้ 3 ภารกิจหลักที่สำคัญ ได้แก่ การกำกับดูแลโรงงานจำพวกที่1และจำพวกที่2  การรับแจ้งการประกอบกิจการโรงงานจำพวกที่ 2  และการตรวจสอบกรณีโรงงานก่อเหตุเดือดร้อน ตรวจสอบการดำเนินกิจการให้เป็นไปตามกฎหมาย

“การถ่ายโอนภารกิจดูแลโรงงานดังกล่าวเป็นไปตามหลักการของกฎหมาย และถือเป็นการให้อิสระและอำนาจแก่ อปท. ในการควบคุมดูแลกิจการโรงงานในพื้นที่ การตัดสินใจและตรวจสอบกรณีโรงงานมีปัญหา หรือสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนในพื้นที่ โดยที่ประชาชนสามารถมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ กำกับดูแล และตรวจสอบโรงงานได้ ขณะที่กระทรวงอุตสาหกรรม โดยกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) ยังมีหน้าที่ให้ความช่วยเหลือ สนับสนุน ให้คำแนะนำ และคำปรึกษาทางเทคนิควิชาการ ดำเนินการฝึกอบรมจนกว่า อปท. จะมีความพร้อมและเข้าใจขอบเขตในการรับการถ่ายโอนภารกิจ จนสามารถปฏิบัติภารกิจให้ประชาชนได้รับบริการสาธารณะที่ดีขึ้น มีคุณภาพมาตรฐาน และประสิทธิภาพ รวมทั้งมีการกำหนดเกณฑ์มาตรฐานงานเพื่อเป็นหลักการบริการสาธารณะให้มีคุณภาพอีกด้วย” นายสุริยะ กล่าว
 
ขณะที่ นายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ตาม พ.ร.บ. โรงงาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2562 พบว่า ในปี 2563 มีโรงงานจำพวกที่ 1 และจำพวกที่ 2 ที่ใช้เครื่องจักรมีกำลังรวมตั้งแต่ 50 แรงม้า หรือกำลังเทียบเท่าตั้งแต่ 50 แรงม้าขึ้นไป หรือใช้คนงานตั้งแต่ 50 คนขึ้นไป โดยใช้เครื่องจักรหรือไม่ก็ตาม ที่เข้าข่ายการโอนภารกิจดูแลโรงงานให้ไปอยู่ในการกำกับดูแลของกรุงเทพมหานคร เทศบาล และเมืองพัทยา ทั้งสิ้น 2,200 โรงงาน โดยแบ่งเป็น โรงงานในกรุงเทพมหานคร จำนวน 500 โรงงาน และโรงงานในจังหวัดต่าง ๆ อีกประมาณ 1,700 โรงงาน
 
โดยกรุงเทพมหานคร เทศบาล และเมืองพัทยา จะมีหน้าที่รับแจ้งการประกอบกิจการโรงงานจำพวกที่ 2 เก็บค่าธรรมเนียมรายปีสำหรับโรงงานจำพวกที่ 2 กำกับดูแลโรงงานจำพวกที่ 1 และจำพวกที่ 2 รวมถึงตรวจสอบกรณีโรงงานก่อเหตุเดือดร้อน และตาม พ.ร.บ. ฉบับดังกล่าว กรมโรงงานอุตสาหกรรมและสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด จึงมีหน้าที่ในการให้คำแนะนำกับพนักงานเจ้าหน้าที่ของกรุงเทพมหานคร เทศบาล และเมืองพัทยา แล้วแต่กรณี ในการบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยโรงงานให้เป็นไปอย่างถูกต้อง
 
ด้านนายประกอบ วิวิธจินดา อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) กล่าวว่า เพื่อให้การถ่ายโอนภารกิจดังกล่าวเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ กรมโรงงานอุตสาหกรรมได้เตรียมแผนงานเพื่อเพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถของกรุงเทพมหานคร เทศบาล และเมืองพัทยา ในการบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยโรงงาน และในการกำกับโรงงานจำพวกที่ 1 และจำพวกที่ 2 เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยโรงงาน และแนวทางการบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยโรงงาน ในมาตราต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับโรงงานจำพวกที่ 1 และจำพวกที่ 2 เพื่อให้การดำเนินภารกิจมีประสิทธิภาพ และเกิดประสิทธิผลสูงสุด

“ในปีนี้ได้มีการถ่ายโอนภารกิจดูแลโรงงานให้ อปท. ไปแล้ว 2,200 โรงงาน และในเดือน ส.ค. ที่ผ่านมา กรมโรงงานอุตสาหกรรมได้จัดการฝึกอบรมเกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยโรงงานและการกำกับดูแลด้านสิ่งแวดล้อม ให้กับข้าราชการกรุงเทพมหานคร จำนวน 50 เขต รวมทั้งสิ้น 200 คน และในเดือน ก.ย. 2563 ที่ผ่านมา ได้มีการจัดฝึกอบรมเกี่ยวกับการใช้ระบบสารสนเทศ สำหรับการรับแจ้งการประกอบกิจการโรงงานจำพวกที่ 2 ให้กับข้าราชการกรุงเทพมหานคร 50 เขต รวมทั้งสิ้น 100 คน โดยในปี 2564 กรมโรงงานอุตสาหกรรมและสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด ยังได้มีการเตรียมความพร้อมในการจัดการฝึกอบรมเพิ่มเติมให้กับกรุงเทพมหานคร เทศบาล และเมืองพัทยาอีกด้วย” นายประกอบ กล่าว

 
 
อ่านต่อ: