“บิ๊กตู่” ชวนเอกชนเยอรมนีลงทุนในไทย พร้อมหนุนขยายลงทุนรถไฮบริด-รถยนต์ไฟฟ้า

อัปเดตล่าสุด 29 พ.ย. 2561
  • Share :
  • 357 Reads   

เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน เวลา 15.30 น. เวลาท้องถิ่น ที่กรุงเบอร์ลิน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้กล่าวสุนทรพจน์ (Keynote speech) ในกิจกรรม Thai-German Business Forum : Asia-Europe Partnership for the Future ณ โรงแรม Hilton เบอร์ลิน ว่า เยอรมนี หุ้นส่วนสำคัญของไทยในยุโรป เยอรมนีเป็นคู่ค้าสำคัญของไทยเป็นคู่ค้าอันดับหนึ่งของไทยใน EU เป็นประเทศผู้ลงทุนลำดับต้นต้นของไทย ลงทุนในไทยกว่า 866 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือกว่า 28,649 ล้านบาท มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมยกระดับศักยภาพทางการผลิตของไทยมาโดยตลอด รัฐบาลไทยประกาศนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ขับเคลื่อนประเทศให้เติบโตอย่างมั่นคงโดยใช้วิทยาศาสตร์เทคโนโลยีนวัตกรรมและการสร้างสรรค์ควบคู่ไปกับการพัฒนาและยกระดับบุคลากรซึ่งเป็นนโยบายที่ได้รับแรงบันดาลใจจากความสำเร็จของแนวคิดอุตสาหกรรม 4.0 ของเยอรมนี

นายกรัฐมนตรีกล่าว่า ขอเชิญชวนนักลงทุนภาคเอกชนเยอรมนี ร่วมลงทุนในไทยตามแนวนโยบายของรัฐบาลในการเดินหน้าขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีโดยเป็นยุทธศาสตร์ที่ให้ความสำคัญต่อการเสริมสร้างโครงสร้างพื้นฐานมีเป้าหมายให้ไทยเป็นระเบียงเศรษฐกิจแห่งเอเชียโดยเฉพาะการเชื่อมโยงการคมนาคมและขนส่งอย่างไร้รอยต่อภายในกลุ่มประเทศอาเซียนบนภาคพื้นทวีปและจะเชื่อมโยงไปสู่เอเชียตะวันออกและเอเชียใต้ในอนาคตอีกทั้งประเทศไทยได้ปฏิรูปกฎหมายและปรับปรุง กฎระเบียบเพื่ออำนวยความสะดวกให้การดำเนินธุรกิจ ตลอดจนลดขั้นตอนการขออนุญาตในการลงทุนในไทยจนเห็นผลในการจัดอันดับความยากง่ายในการทำธุรกิจของธนาคารโลกปี 2562 ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 30 จาก 190 ประเทศ

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไทยจะเป็นประธานอาเซียนในปี 2562 ไทยพร้อมจะให้ความสำคัญกับการส่งเสริมความยั่งยืนในทุกมิติให้อาเซียนเป็นประชาคมที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลางมองไปสู่อนาคตร่วมกัน ปัจจุบันอาเซียนมีเศรษฐกิจขนาดใหญ่อันดับหกของโลกและมีเสถียรภาพจะก้าวไปสู่เศรษฐกิจอันดับ4 ของโลกในปี 2573 อาเซียนเป็นตลาดขนาดใหญ่มีประชากร 650 ล้านคน มีโครงการที่มีศักยภาพพร้อมรองรับการลงทุน เช่น EEC และมีนโยบายไทยแลนด์ + 1 สนับสนุนให้เอกชนจากมิตรประเทศ ใช้ไทยเป็นฐานในการขยายโอกาส ลู่ทางการค้า การลงทุน จากประเทศเพื่อนบ้าน และ ในขณะเดียวกันรัฐบาลไทยจะสนับสนุนให้เอกชนไทยดำเนินนโยบาย Germany +1 ใช้เยอรมนี เป็นฐานการขยายโอกาสลู่ทางการลงทุน ในกลุ่ม EU และภูมิภาคยุโรปเช่นกัน

จากนั้นเวลา 17.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ พบหารือกับผู้บริหารภาคเอกชนเยอรมัน ได้แก่ บริษัท เดมเลอร์ จำกัด บริษัท แดร็คเซิลไมเออร์ กรุ๊ป สมาคมอุตสาหกรรมรางในเยอรมนี (Verband Deutsche Bahnindustrie: VDB) และบริษัท บีเอ็มดับเบิลยู จำกัด ตามลำดับ โดย พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีได้ใช้โอกาสนี้สร้างความเชื่อมั่นต่อพัฒนาการทางเศรษฐกิจและการเมืองของไทยที่จะมีการเลือกตั้งในต้นปีหน้า ไทยพร้อมสนับสนุนความร่วมมือและการขยายการลงทุนในไทยอย่างต่อเนื่อง เพื่อประโยชน์สูงสุดของทั้งสองฝ่าย โดยการหารือกับผู้บริหารบริษัทเดมเลอร์ รัฐบาลไทยพร้อมสนับสนุนการลงทุนจากต่างประเทศเชื่อมั่นในศักยภาพ เทคโนโลยี และนวัตกรรมของบริษัท ยินดีและพร้อมจะให้การสนับสนุนการขยายการลงทุนของบริษัทในประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัจจุบันความนิยมต่อรถยนต์ไฮบริดและรถยนต์ไฟฟ้าของไทยมีเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ผู้บริหารเดมเลอร์ ชื่นชมรัฐบาลไทยในการบริหารจัดการอำนวยความสะดวกต่อนักลงทุนต่างชาติ โดยบริษัทให้คำมั่นพร้อมลงทุนในระยะยาวและยินดีให้การฝึกอบรมเพื่อพัฒนาทักษะฝีมือแรงงานไทย

พล.ท.วีรชน กล่าวว่า การหารือกับผู้บริหารบริษัท Dräxlmaier ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ แบตเตอรี่รถยนต์ ทั้งเครื่องยนต์สันดาป เครื่องยนต์ไฟฟ้า แผงวงจรไฟฟ้า และอุปกรณ์ภายใน และได้มีฐานการผลิตที่ จ.ระยอง นายกรัฐมนตรีได้ขอบคุณที่ให้ความเชื่อมั่นและเลือกลงทุนในประเทศไทย ทั้งนี้ รัฐบาลพร้อมที่จะให้การสนับสนุน ดูแลบริษัทต่างชาติที่ลงทุนในประเทศไทย และขอได้แจ้งให้ทราบว่าการพิจารณาเพิ่มการลงทุนในไทยได้รับการอนุมัติแล้ว โดยผู้บริหาร Dräxlmaier กล่าวชื่นชมการดำเนินนโยบายของรัฐบาลไทยที่อำนวยความสะดวกให้แก่บริษัทฯ เล็งเห็นถึงศักยภาพทางเศรษฐกิจของประเทศไทย และชื่นชมที่มีแรงงานที่มีคุณภาพ

“การหารือกับตัวแทนสมาคมอุตสาหกรรมรางในเยอรมนี ซึ่งเป็นผู้แทนของกลุ่มอุตสาหกรรมรางของเยอรมนี มีสมาชิกกว่า 200 บริษัท ทั้งขนาดใหญ่และเล็ก เน้นการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และเป็นสมาคมฯ ที่มีสัมพันธ์ใกล้ชิดกับรัฐบาล คณะกรรมาธิการยุโรป และรัฐสภายุโรป โดยทางสมาคมฯ สนใจและต้องการที่จะร่วมมือกับไทย เห็นว่าประเทศไทยและคนไทยมีศักยภาพ และมีความพร้อมอย่างมากในการลงทุน ด้านไทยหวังที่จะเห็นความร่วมมือแบบ PPP ซึ่งรัฐบาลมีแผนที่ชัดเจนในระยะยาว จึงพร้อมที่จะร่วมมือและหวังที่จะได้รับการสนับสนุนและการพัฒนาในระบบขนส่งของไทย”

พล.ท.วีรชน กล่าวว่า การหารือกับผู้บริหารบริษัท BMW นายกรัฐมนตรีขอบคุณบริษัท BMW group ที่ได้ลงทุนในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในเขตพื้นที่ EEC โดยรัฐบาลให้ความสำคัญต่อการส่งเสริมบรรยากาศที่เอื้ออำนวยต่อการลงทุน และแสดงความชื่นชมที่ BMWให้ความสำคัญ ต่อการพัฒนาบุคลากรไทยโดยสนับสนุนการฝึกอบรมทวิภาคีแก่นักเรียนอาชีวะของไทยในสาขายานยนต์ ผู้แทนบริษัทฯ กล่าวว่ายินดีที่ได้เป็นส่วนในการพัฒนาทักษะทางอาชีพแก่นักเรียนไทย ซึ่งอยู่ระหว่างการอบรมให้นักเรียนอาชีวะผ่านการอบรมมาตรฐานเดียวกันกับที่เยอรมนี และขอบคุณรัฐบาลไทยที่ดูแลการลงทุนของบริษัทในไทยอย่างดี ทั้งนี้ ยินดีจะขยายการลงทุนในไทย เพื่อขาย และส่งออกในเอเชีย อย่างต่อเนื่อง