นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน (ทตอ.) ครั้งที่ 7/2562 ว่า โดยในที่ประชุมได้พิจารณาหารือถึงกรณีการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด (เอดี) กับสินค้าเหล็กของจีน เวียดนาม และไต้หวัน ต่อไปอีก 5 ปี ซึ่งที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบให้มีการใช้มาตรการดังกล่าวต่อไป ในสินค้าเหล็กรีดเย็นชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน ภายใต้พิกัดอัตราศุลกากรประเภทย่อยตามบัญชี ก ท้ายประกาศฯ ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน และสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม และไต้หวันในอัตราเดิม เงื่อนไขเดิม 

ทั้งนี้ เนื่องจากที่ประชุมได้พิจารณาแล้วเห็นว่ายังพบมีพฤติกรรมการทุ่มตลาดอยู่ โดยยังมีหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าราคาที่ขายในประเทศยังสูงกว่าราคาที่ส่งออกมายังประเทศไทย และที่ประชุมพิจารณาพบว่าหากยกเลิกมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด อาจทำให้เกิดความเสียหายต่ออุตสาหกรรมภายในประเทศและผู้ผลิตไม่สามารถแข่งขันได้ สำหรับอัตราภาษีอากรที่เรียกเก็บกับสินค้าดังกล่าว เหล็กรีดเย็น อัตรา AD 4.22% – 20.11% ใช้มาตั้งแต่ปี 2557 และกรดซิตริก อัตรา AD 57.79% ใช้มาตั้งแต่ปี 2547 ต่อไปอีก 5 ปี

นอกจากนี้ ยังมอบหมายให้อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ไปแก้ต่างคดีที่มีการฟ้องร้องกรมการค้าต่างประเทศต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ กรณีประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าหลอดและท่อทำด้วยเหล็กกล้าไม่เป็นสนิมที่มีแหล่งกำเนิดจากเกาหลีใต้ จีน ไต้หวัน และเวียดนาม พศ 2559 ด้วย