นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ รองอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทย สำหรับการเจรจา จัดทำความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) เปิดเผยว่า วันที่ 17-27 ก.ค.นี้ ไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมคณะกรรมการเจรจาจัดทำความตกลง RCEP ครั้งที่ 23 ระหว่างอาเซียน และคู่เจรจา 6 ประเทศ คือ จีน อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ซึ่งอธิบดีได้มอบนโยบายให้ทีมเจรจา ของไทยมีบทบาทสำคัญในการเร่งการเจรจาตามที่ผู้นำเห็นชอบ ดังนั้นไทย จะเสนอแนวทางใหม่ในการเจรจา เพื่อผลักดันให้การเจรจาบรรลุผลสำเร็จให้ได้ในปีนี้ตามเป้าหมายของผู้นำทั้ง 16 ประเทศ

สำหรับแนวทางการเจรจาใหม่ ที่ไทยอาจต้องเสนอ หากเห็นว่าการเจรจาในรูปแบบปัจจุบันไม่ทำให้ทุกประเทศตกลงกันตามกรอบเวลาได้ คือ สมาชิกควรสรุปการเจรจาการเปิดตลาดให้ได้ ทั้งด้านการค้าสินค้า การค้าบริการ และการลงทุน รวมถึงประเด็นอื่น ๆ ในส่วนที่เห็นว่าทุกฝ่ายจะแบ่งปันผลประโยชน์ร่วมกันได้ และตักตวงโอกาสทางการค้าได้ทันทีเมื่อความตกลงมีผลใช้บังคับ

ทั้งนี้ การประชุมคณะกรรมการฯ ครั้งที่ 22 เมื่อวันที่ 28 เม.ย.-8 พ.ค. ที่ผ่านมา ที่สิงคโปร์นั้น ที่ประชุมได้หารือถึงการเปิดตลาดสินค้า รูปแบบการลดภาษี และระดับการผูกพันการเปิดเสรีการค้าบริการและการลงทุน ซึ่งสมาชิกได้ยื่นปรับปรุงข้อเสนอในทั้ง 3 เรื่องหลักอีกครั้ง แต่การเจรจายังไม่คืบหน้ามากนัก และหลายประเทศยังเสนอการเปิดตลาดให้สมาชิกแบบไม่เท่าเทียมกัน ซึ่งไทยยืนยันให้ทุกประเทศสนองตอบตามข้อเสนอการเปิดตลาดอย่างเท่าเทียมกัน เพื่อให้ทุกประเทศได้ประโยชน์ร่วมกันอย่างแท้จริง

สำหรับสินค้าสำคัญที่ไทยเรียกร้องให้คู่เจรจาเปิดตลาด อยู่ในกลุ่มสินค้าอาหาร ประมงแปรรูป (ปลาทูน่า กุ้ง ปลาหมึก) ข้าว อุตสาหกรรมการเกษตร ยางพาราและผลิตภัณฑ์ สินค้าจากกลุ่มอุตสาหกรรม ปิโตรเคมี สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม ชิ้นส่วนยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า เฟอร์นิเจอร์ เครื่องปรับอากาศ เป็นต้น รวมทั้งได้เร่งหารือเรื่องสำคัญ เช่น กฎถิ่นกำเนิดสินค้า พิธีการศุลกากร การคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา เป็นต้