พาณิชย์ ร่วมเอกชน ตั้งคณะทำงานดันส่งออกแทนชุด D4 ที่ยุบไป ขณะที่เตรียมถกทูตพาณิชย์เดือน พ.ค. 62

อัปเดตล่าสุด 30 เม.ย. 2562
  • Share :
  • 341 Reads   

พาณิชย์ ร่วมเอกชน ตั้งคณะทำงานดันส่งออกแทนชุด D4 ที่ยุบไป ขณะที่เตรียมถกทูตพาณิชย์เดือน พ.ค. 62 ปรับเป้าส่งออกคาดลดลงจากเป้าเดิม 8% ด้านเอกชน มองการส่งออกทั้งปี 2.1%

นางสาวบรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยภายหลังการประชุมเพื่อประเมินสถานการณ์การส่งออกไตรมาส 2 ของปี 2562 เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2562 ที่ผ่านมาว่า การประเมินเป้าหมายส่งออกของกระทรวงพาณิชย์ยังคงเป้าหมายเดิมที่ 8% แต่อย่างไรก็ดี จากสถานการณ์การส่งออกที่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลก คาดว่าการประชุมทูตพาณิชย์ในวันที่ 31 พฤษภาคม 2562 นี้จะประเมินตัวเลขส่งออกอีกครั้งหากไม่สามารถดำเนินการได้ตามเป้าหมายอาจจะต้องพิจารณาปรับตัวเลขการส่งออกเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน


เบื้องต้น ก่อนการประชุมทูตพาณิชย์ได้สั่งการให้ทูตพาณิชย์ประเมินสถานการณ์การนำเข้าสินค้าไทยและการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ สำหรับประเทศที่นำเข้าเพื่อประเมินสถานการณ์หากว่าไทยจะผลักดันการส่งออกจะดำเนินการอย่างไร ต้องมีกิจกรรมอะไรบ้างเพื่อให้การส่งออกไปได้ตามเป้าหมาย พร้อมกับปัญหาและอุปสรรคที่เกิดขึ้นจะดำเนินการอย่างไรได้บ้าง อีกทั้ง ให้ทูตพาณิชย์ประเมินตัวเลขการส่งออกในรายประเทศอีกครั้ง เพื่อให้การส่งออกเป็นไปได้มากที่สุดโดยสรุปและนำมาเสนอในที่ประชุมทูตพาณิชย์


“เป้าหมายเพื่อให้ 6 เดือนข้างหน้าจะต้องเดินหน้าผลักดันส่งออกอย่างไร จะต้องเจาะตลาดผลักดันสินค้าการส่งออกได้มากน้อยแค่ไหน เนื่องจากต้องยอมรับว่าการส่งอออกไม่ได้กระทบเพียงประเทศไทยแต่รวมทุกประเทศ เพื่อให้การส่งออกขยายตัวก็ต้องพยายามทุกฝ่าย และจากที่ประเมินว่าการส่งออก 8% ไทยจะต้องส่งออกเฉลี่ย 23,000 ล้านเหรียญสหรัฐต่อเดือน แต่ที่ผ่านมาไม่ได้ตามเป้าหมาย ซึ่ง 6 เดือนจากนี้ก็ต้องประเมินอีกครั้งให้สอดคล้องกับความเป็นจริงมากที่สุด”


อย่างไรก็ดี การประชุมครั้งนี้ที่ประชุมเห็นชอบในการจัดตั้ง คณะทำงานเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจและเพิ่มขีดความสามารถทางการค้าระหว่างประเทศ โดยเป็นคณะทำงานร่วมกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศและภาคเอกชน โดยคณะทำงานชุดนี้จะหารือเพื่อลดอุปสรรคทางการค้า หากต้องเสนอไปยังระดับนโยบายเพื่อเข้ามาช่วยเหลือก็จะสรุปผลให้เสนอไปยังหน่วยงาน หรือคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจต่อไป เพื่อผลักดันแก้ไข ทั้งนี้ หากเกี่ยวข้องกับหน่วยงานของกระทรวงพาณิชย์ก็พร้อมที่จะหารือร่วมเพื่อเร่งแก้ไขปัญหาต่อไป พร้อมกันนี้ เชื่อว่าภายหลังที่ประเทศไทยสามารถจัดตั้งรัฐบาลใหม่ได้เป็นที่เรียบร้อย นโยบายด้านเศรษฐกิจมีความชัดเจนก็เชื่อว่าจะทำให้ตัวเลขเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องมีการเติบโตได้

นายสนั่น อังอุบลกุล รองประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สำหรับการตั้งคณะทำงานใหม่ขึ้นมา เป็นการสารต่อคณะกรรมการ D4 ด้านการส่งออกชุดเดิมที่หมดไปจากรัฐบาลที่ผ่านมา และเพื่อให้มีการสานงานต่ออย่างต่อเนื่อง เพื่อการส่งออกให้ขยายตัว ในที่ประชุมจึงเห็นควรตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อแทนชุดเดิมในการผลักดันการส่งออก นอกจากนี้ที่ประชุมภาคเอกชนประเมินการส่งออกปรับลดลงจากเดิม 3.1% ลงมาอยู่ที่ 2.1% ทั้งนี้ เป็นผลมาจากปัจจัยเศรษฐกิจของประเทศผู้นำเข้า การเสียเปรียบด้านสิทธิประโยชน์ที่มีผลต่อการแข่งขันทางการค้า รวมไปถึงภาพของราคาน้ำมันลดลงซึ่งมีผลต่อสินค้าที่เกี่ยวเนื่อง แม้ปริมาณไม่ลดลงแต่มีผลทำให้ราคาปรับลดลง โดยการส่งออกทั้งปีโต 2.1% และการส่งออกเฉลี่ยต่อเดือนจากนี้จะต้องส่งออกมีมูลค่า 21,560 ล้านเหรียญสหรัฐต่อเดือน


สำหรับประเมินการส่งออกรายกลุ่มสินค้า ภาคเอกชนมองว่าการส่งออกยางพารา โต 5% มันสำปะหลัง ติดลบ 10% อาหาร โต 5% น้ำตาล ติดลบ 5% ทำให้ภาคการส่งออกในกลุ่มเกษตรเฉลี่ยส่งออกอยู่ที่ 1.6% ส่วนภาคอุตสาหกรรม อิเล็กทรอนิกส์ โต 1.4% รถยนต์และส่วนประกอบ โต 3% เครื่องใช้ไฟฟ้า โต 1.1% เม็ดพลาสติก โต 2% อัญมณีและทอง โต 3% น้ำมันสำเร็จรูป โต 2% ก่อสร้าง โต 5% ผลิตภัณฑ์จากยางพารา โต 7% เครื่องจักรและส่วนประกอบ โต 3% สิ่งทอ โต 3% และเคมีภัณฑ์ โต 2% ส่งผลให้ภาพรวมการส่งออก โต 2.3%